22 August, 2011

สูตรบำรุงผิวพรรณ

**สูตรน้ำผึ้งนวดผิวเพื่อบำรุงให้สวยเรียบเนียน
ใช้น้ำผึ้งหนึ่งถ้วย งาดำครึ่งถ้วย ผสมกับใบเปปเปอร์มิ้นต์แห้งสับละเอียดสักหนึ่งช้อนชานวดคลึงไปทั่วตัว แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ความหอมจากส่วนผสมช่วยผ่อนคลายรู้สึกเพลิดเพลิน

**สูตรโยเกิร์ต เพื่อผิวนุมนวล
ผสมโยเกิร์ตรสธรรมชาติกับเกลือขัดผิวที่มีขายตามร้านสินค้าเพื่อสุขภาพ พอกให้ทั่วตัว ทิ้งไว้สักครึ่งชั่วโมงคอยล้างออก ผิดจะนุ่มนวลน่าสัมผัส

**มาสก์หน้าเย็นฉ่ำ
ส่วนผสม
กล้วยหอมบด 1 ผล
อโวกาโด 1 ผล
ผงข้าวโอ๊ต 1 ช้อนชา

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากันก็เป็นอันเสร็จ โดยก่อนใช้ให้แช่ตู้เย็นทิ้งไว้สักครู่ จะรู้สึกได้
ถึงความเย็นชุ่มฉ่ำเป็นทวีคูณ

วิธีใช้
หลังล้างหน้า ให้ทามาสก์นี้ให้ทั่ว ทิ้งไว้ 30 นาที หลับตาและทำตัวผ่อนคลาย จากนั้นล้างออก
ด้วย น้ำ สะอาด

**น้ำผึ้งนวดหน้า
ใช้น้ำผึ้งซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ผีวนุ่มนวลมาผสมกับน้ำมะนาว ซึ่งช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
ให้หลุดลอกออกไป

ส่วนผสม
น้ำผึ้งบริสุทธิ์ 1 ถ้วยตวง
น้ำมะน าว 10 หยด
แตงกวาฝานบางๆ 1 ลูก

วิธีทำ
นำน้ำผึ้งและน้ำมะนาวผสมกัน ทานวดให้
ทั่วใบหน้าสัก 15 นาที สังเกตได้ว่าเนื้อครีมเริ่มร่วน
เหลว จากนั้นเช็ดหน้าด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น ค่อยๆ เอา
แตงกวาฝานวางให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้สักพัก
ซึมซับความรู้สึกเย็นสดชื่น


**สวยด้วยกล้วย
* กล้วยอุดมด้วยวิตามินเอ และซี ซึ่งเปนอาหารบำรุงผิวชั้นดี
* วิตามินบีในกล้วย ช่วยบรรเทาอาการผมร่วง ได้
* สารอาหารในกล้วยช่วยชดเชยน้ำหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ
* พอกหน้าด้วยกล้วยหอม หรือกล้วยน้ำว้าบดผสมน้ำผึ้ง 15 นาที ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นไริ้รวรอย
* กล้วยหอม หรือกล้วยน้ำว้าบดผสมดินสอพอง พอกหน้าทิ้งไว้ 15 นาที จะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด และขจัดเซลล์ที่ตายแล้ว ทำให้ผิวหน้าเนียนผุดผ่อง
* พอกหน้าด้วยกล้วยผสมนมสด 1 ช้อนชาทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยนั้าอุ่นตามด้วยน้ำเยน จะทำให้ผิวหน้ากระชับเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย


สเปรย์น้ำดอกกุหลาบ
ส่วนผสม
น้ำกลั่น 1 1/2 ถ้วย น้ำมันหอมระเหย
เจอราเนี่ยม 2 หยด น้ำมันหอมระเห ยกุหลาบ 4
หยด ขวดสเปรย์แก้วเล็กๆ และสะอาด 1 ขวด

วิธีทำ
แค่นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ขวดที่มีหัวฉีดสเปรย์แล้วเขย่าให้เข้ากัน ก็จะได้สเปรย์น้ำกลิ่น
กุหลาบที่หอมและสดชื่น สำหรับฉีดหน้า ฉีดตัวคลายร้อนให้แช่สเปรย์ในตู้เย็นเพื่อเพิ่มความเย็นฉ่ำ

**wrapหน้าคลายร้อน
ส่วนผสม
.มะละกอสุก 1/2 ลูก
.ดินญี่ปุ่น 3 ช้อนโต๊ะ
.น้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่ 3 หยด
.น้ำมะนาวสด 1 ช้อนชา

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดผสมและคนให้เข้ากัน

วิธีใช้
1. หลังขัดตัวเสร็จแล้ว ชโลมส่วนผสมให้ทั่ว
2. นำผ้าเช็ดตัวมาห่อตัวไว้ 20 นาที เพื่อให้ส่วนผสมซึมซาบเข้าสู่ผิว
3. ล้างออกด้วยน้ำธรรมชาติก็จะได้ผิดที่ใสและเย็นน้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่และดินจะทำให้รู้สึกเย็น มะละกอและน้ำมะนาวมีเอนไซม์ซึ่งจะช่วยขัดผิวอย่างอ่อนโยน ให้ผิวใส และนุ่มนวลขึ้น

19 August, 2011

วิธีล้างผัก ผลไม้ให้ปลอดภัยจากสารพิษ

วันนี้มาทำความรู้จักกับวิธีทำความสะอาด ผักและผลไม้เพื่อความปลอดภัยของอาหารและเครื่องดื่มในครัว ถึงจะทำอาหารได้อร่อยแค่ไหน ถ้าหากว่าไม่สะดวกในการปลูกผักผลไม้เองก็ควรรู้วิธีหำให้สารพิษตกค้างน้อยที่สุด เพราะผักปลอดสารพิษในท้องตลาดก็ไม่ได้ซื้อสะดวก และมีราคาแพงกว่าผักทั่วไปด้วย

วิธีล้างผัก ผลไม้

ภาพจากfoodsafety.bangkok.go.th

*วิธีล้างผัก ผลไม้ให้ปลอดภัยจากสารพิษ มีวิธีการดังนี้
1.ล้างโดยแช่ในน้ำส้มสายชู ใช้น้ำส้มสายชูละลายน้ำ ความเข้มข้น 0.5 % แล้วแช่ไว้ 15 นาทีสามารถปริมาณสารพิษได้ 60 - 84 %

2.แช่ไว้ในน้ำที่สะอาด โดยล้างด้วยสะอาดครั้งหนึ่งก่อน แล้วแพ้ในอ่างน้ำนาน 15 นาที วิธีนี้ลดปริมาณสาพิษได้ 7-30 %

3.สำหรับกะหล่ำปลี หรือผักที่เป็นกาบห่อหุ้ม ให้ลอกเปลือกหรือกาบขณะล้างจะช่วยลดสารพิษได้ เช่นกัน

4.ล้างโดยแช์ในโซเดียมคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำอุ่น 20 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 15 นาที ลดปริมาณสารพิษได้ 90-95 %


วิธีล้างผัก ผลไม้ให้ปลอดภัยจากสารพิษ ก้มีวิง่ายแค่นี้ หวังว่าคงจะนำไปใช้กันนะครับ

15 August, 2011

สูตรบำรุงเล็บ

เป็นสูตรบำรุงเล็บมือให้แข็งแรง โดยใช้ขี้ผึ้งเป้นส่วนผสมสำคัญ ซึ่งเป็นสูตรที่คนในสมัยโบราณใช้กันมานาน ดีต่อสุขภาพเล็บ

วัสดุอุปกรณ์
.ขี้ผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
.น้ำมันหอมระเหยมะนาว 3 หยด
.น้ำมันอัลมอนด์หอม 3 ช้อนโต๊ะ
.กระทะก้นแบน
.หม้อ

วิธีทำ
1.นำกระทะใส่น้ำและตั้งไฟเพื่อร้อนให้น้ำเดือด จากนั้นจึงนำขี้ผึ้งใส่หม้อเล็กๆ จากนั้นให้ทา
หม้อขี้ผึ้งลงบนกระทะอีกที คนให้ทั่วจนขี้ผึ้งเริ่มหลอม หลว
2.ในระหว่างที่ขี้ผึ้งเหลวได้ที่ ให้หยดน้ำมันหอมระเหยมะนาว 3 หยด และคนให้ทั่ว
3.รอจนส่วนผสมเย็นและขี้ผึ้งเย็นตัว ถ้ารู้สึกวาขี้ผึ้งแข็งเกินไปให้นำขี้ผึ้งไปอุ่นอีกที และหยด
น้ำมันอัลมอนด์หอม เพิ่มที่ละหยด จนขี้ผึ้งนุ่มได้ๆ

วิธีใช้
ก่อนนอนทาขี้ผึ้งให้ทั่วทั้งนิ้วและเล็บ เล็บจะแข็งแรงขึ้นและดูเงางาม

08 August, 2011

สูตรขัดผิวด้วยนมเปรี้ยวและน้ำผึ้ง

สูตรขัดผิวด้วยน้ำผึ้งและนมเปรี้ยวนี้จะช่วยบำรุงผิวให้สดใสนุ่มเนียนไม่แห้งหยาบกร้าน ลองหาวันว่างๆบำรุงผิวด้วยการขัดถู สูตรนี้ทำได้ง่ายๆส่วนผสมไม่มาก ดีต่อผิวของทุกๆคน ที่สำคัญหาง่ายราคาไม่แพง

ขัดผิวด้วยนมเปรี้ยวและน้ำผึ้ง ขัดผิวด้วยนมเปรี้ยวและน้ำผึ้ง


ภาพจาก goodhealth.co.th/new_page_47.htm
และ th.wikipedia.org

ส่วนผสม
1.นมเปรี้ยว 1 ช้อนโต๊ะ
2.น้ำผึ้งแท้ 1/2 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำมะนาว 1/2 ลูก

อุปกรณ์ที่ใช้
1. ถ้วยใบเล็กๆ หรือแก้วน้ำดื่ม
2.ช้อนชา
3.ที่คาดผม หรือหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำ

ขั้นตอนมนการขัดผิว
1.ต้มน้ำร้อนเมื่อน้ำอุ่นดีแล้ว ใช้น้ำอุ่นนั้นล้างหน้าให้สะอาดสะอ้านกับสบู่ หรือโฟมล้างหน้าเตรียมผ้าขนหนูนุ่มๆ สำหรับเช็ดซับใบหน้าให้แห้งสนิทใช้ที่คาดผม หรือหมวกคลุมผมสำหรับอาบน้ำคลุมศีรษะไว้เพื่อเก็บเสันผมให้เรียบร้อย

2.เทนมเปรี้ยวประมาณ 1ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในแก้วน้ำหรือถ้วยเล็กๆผสมน้ำผึ้งแท้ลงไป ประมาณ 1/2 ข้อนโต๊ะ บีบมะนาวลงไปสัก 1เสี้ยว หรือประมาณ 1 ช้อนชาเท่านั้นใช้ช้อนชาหรือพายเล็กๆ คนๆ ผสมผสานให้น้ำผึ้ง และนมเปรี้ยวผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกันใช้ปลายนิ้วแตะนมเปรี้ยว และน้ำผึ้ง นวดคลึงไปให้ทั่วผิวหน้าเว้นรอบๆ ริมฝีปากและดวงตาไว้ ขณะที่พอกทาไปทั่วๆ ใบหน้านั้น กดปลายนิ้วกลางและนิ้วชี้คลึงเคล้นผิวหน้าให้ทั่วๆ

3.พอกทิ้งนานประมาณ 8-10 นาที เมื่อครบกำหนดเวลาแล้วใช้เปลือกมะนาวสัก 1/2 ลูกที่บีบน้ำทิ้งแล้วถูๆ ทาๆ บริเวณหน้าผากแก้ม จมูก และค้างให้ทั่วๆไม่ต้องขัดถรุนแรงนัก ให้ถูๆ ขัดๆ พอประมาณ เมื่อเรียบร้อยแล้วทิ้งไว้นาน 3-5 นาที จึงใช้น้ำอุ่นๆ สบู่ หรือโฟมล้างหน้าชำระล้างทำความสะอาดใบหน้าให้เกลี้ยงเกลา


08 July, 2011

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารลดน้ำหนัก

หากเราเคยได้ยินว่า อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตจะเปลี่ยนเป้นไขมัน หรืออาหารบางอย่างกินแล้วจะช่วยลดน้ำหนัก บางอย่างกินแล้วอ้วน วันนี้มีข้อมูล ข้อเท็จจริงมาฝากครับ

**ความเชื่อ : อาหารไร้ไขมัน (Fat-Free} เท่ากับอาหารไร้แคลอรี่
*ข้อเท็จจริง : บางคนชะล่าใจว่าอาหารที่ตนเองกินเป็นอาหารไร้ไขมัน จึงกินอย่างไม่บันยะบันยัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุกกี้ เค้ก และแครกเกอร์ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วอาหารทีเขียนว่า fat-free หรือไร้ไขมันบนฉลากนั้น อาจมีแคลอรีเท่ากับหรือมากกว่าอาหารปกติ ฉะนั้นควรค้นหาความจริงของอาหาร(ที่อ้างว่า)ไร้ไขมันด้วยการ เช่นดูที่ฉลากว่าแต่ละห่อแต่ละซองให้แคลอรีเท่าไร ผลไม้และผักเป็นอาหารที่มีไขมันและแคลอรีต่ำตามธรรมชาติ ส่วนอาหารไขมันต่ำหรืออาหารไมมีไขมันชนิดอื่นอาจจะมีแคลอรี่ ในปริมาณที่สูง เพราะการจะทำให้อาหารไร้ไขมันหรีอไม่มีไขมัน มีรสชาติดีขึ้นได้จะต้องใส่น้ำตาล แป้ง หรือสารปรุงแต่งอื่นๆ มากกว่าปกติ และส่วนผสมเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่มีแคลอรี่สูง และทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

*ความเชื่อ: กินแต่ผักสลัดทำให้ผอม
*ข้อเท็จจริง: เบื้องหลังของทฤษฎีนี้ก็คือ คุณสามารถกินอาหารอะไรก็ได้ที่ให้พลังงานต่ำ อย่างเช่นผักสลัด ชึ่ง
แม้ว่าจะกินเป็นจำนวนมาก ก็ยังได้แคลอรีเพียงน้อยนิด เพียงแต่ว่าความคิดนี้อาจจะเป็นจริงในบางแง่ เพราะแม้ว่าผักสลัดมีแคลอรีต่ำ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้กินผักลลัดเปล่า ๆ และน้ำสลัดส่วนมากมักมีไขมันสูง ฉะนั้น
ควรระวังไว้ให้ดี

*ความเชื่อ: คาร์โบไฮเดรต หรือน้ำตาล เป็นสาเหตุที่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขี้น
*ข้อเท็จจริง : คาร์โบไฮเดรตไม่ได้เป็นเหตุให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หากกินในปริมาณที่ร่างกายสามารถเผาผลาญได้หมด ไขมันกับโปรตีนก็เหมือนกัน รวมถึงยังพบว่า คนที่ประสบความสำเร็จในการควบคุมน้ำหนักมักจะกิน
อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมาก แต่กินอาหาที่มีไขมันในปริมาณน้อย รวมถึงยังระมัดระวังการกิน
โดยคำนึงถึงปริมาณแคลอรีรวมที่ร่างกายได้รับ อย่างไรก็ดี คนที่กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูงมาก ๆ แต่กิน
โปรตีนและไขมันในปริมาณที่น้อยจะเกิดความรู้สึกหิวเร็ว จึงอาจจะทำให้กินมากเกินไป

*ความเชื่อ: การกินอาหารที่มีโปรตีนสูง จะทาให้เกิดภาวะคีโตซิส (ketosis) ซึ่งช่วยลดความหิว
*ข้อเท็จจริง: ภาวะคีโตซิส เกิดขึ้นเมื่อร่างกายถูกจำกัดการบริโภคแป้งและน้ำตาล อันเนื่องมาจากการกินแต่อาหารประเภทโปรตีน ร่างกายจึงหันไปเผาผลาลไขมันที่สะสมอยู่แทนที่จะเป็นคาร์โบไฮเดรต แม้ คีโตนบอดี้ส์ที่เกิดขึ้นจากภาวะคีโตซิส จะทำให้ลมหายใจมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว แต่ไม่ได้ ทำให้ความอยากกินอาหารลดลง อย่างไรก็ดี การกินโปรตีนในปริมาณทีเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายคุณจะช่วยลดความหิว และทำให้น้ำหนักลดลงไต้ เพียงแต่ว่า น้ำหนักที่ลดลงจะเกิดจากการเสียน้ำและกล้ามเนื้อ ไม่ได้เกิดจากการลดลงของไขมัน ดังนั้นวิธีการที่ดีที่สุดในการลดน้ำหนักโดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกายของคุณก็คือ การลด ปริมาณแคลอรี่ลง แต่ยังคงกินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน อย่างสมดุล

*ความเชื่อ: ร่างกายจะเผาผลาญไขมันได้ด้วยการกินอาหารบางอยาง เช่น เกรฟฟรุ๊ตและแกงจืดผักกาดขาว
*ข้อเท็จจริง: คุณควรกินเกรพฟรุ๊ตครึ่งลูก ก่อนการกินอาหารเพื่อที่จะได้ รับประโยชน์สูงสุดจากเอนไซม์ ที่ช่วย
เผาผลาญไขมันที่อยู่ในผลไม้ชนิดนี้ เกรพฟรุ๊ตไม่มีไขมัน จึงมีแคลอรี่และโซเดียมต่ำ แถมมีวิตามินซีสูง แต่การ
กินเกรพฟรุ๊ต ที่ไม่มีโปรตีน ตลอดจนวิตามินและเกลือแร่สำคัญอีกหลายชนิดก็ไม่ดีต่อร่างกายในระยะยาว เพราะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ เช่นเดียวกับแกงจืดผักกาดขาว ซึ่งอาจจะทำให้ร่างกายเกิดอาการหวิว ๆ และไม่มีแรงเพราะว่ามีโปรตีน วิตามินและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนต่ำ จริงอยู่น้ำหนักคุณอาจจะลดลง แต่คุณอาจจะรู้สึกวิงเวียนเกินกว่าจะเอร็ดอร่อยจำไว้ว่า ไม่มีอาหารชนิดไหนที่จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ แม้แต่อาหารที่มีกาเฟอีนสูง ซึ่งอาจจะช่วยเร่งอัตราการเผาผลาญให้เพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็ไม่ทำให้น้ำหนักลด

*ความเชื่อ: การออกกำลังกายทำให้กินมากขึ้นฉะนั้น อย่าออกกำลังกายดีกว่า
*ข้อเท็จจริง: มีการวิจัยพบว่าหลังจากออกกำลังกายนาน 20 นาที ผู้ที่ออกกำลังกายไม่ได้กินอาหารมากกว่าผู้ทีไม่ได้ออกกำลังกายแต่อย่างใด แต่ที่แตกต่างกัน คือ ผู้ที่ออกกำลังกายจะรู้สึกว่าอาหารมีรสชาติอร่อยขึ้น

*ความเชื่อ: การกินอาหารที่มีแคลอรี่สูงในตอนเย็นจะทำให้น้ำหนักขึ้น
*ข้อเท็จจริง: ไม่ว่าจะกินมี้อไหนก็ทำให้อ้วน หากร่างกายไม่สามารถเผาผลาญอาหารที่มีแคลอรี่สูง ๆ ที่คุณกิน
เข้าไปได้หมด ฉะนั้นควรระวังอย่ากินขนมขบเคี้ยวขณะอยู่หน้าจอทีวี เพราะคณจะกินเพลินจนปริมาณแคลอรี่พุ่งสูง ฉะนั้นขอย้ำอีกครั้งว่าวิธีการลดน้ำหนักที่ดีที่สุด คือ การลดปริมาณแคลอรี่จากอาหารที่กิน และออกกำลังกายหรีอขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกายมากขึ้น





ที่มา

http://www.thaicalory.com/

27 June, 2011

วิธีการ สร้างแรงบันดาลใจ เพื่อลดความอ้วน

เรารู้กันอยู่แล้วว่า ลดความอ้วนนั้นเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ แรงบันดาลใจในการลดน้ำหนักจึงสำคัญมากๆเพราะเป็นการเตรียมตัวและใจของเราให้พร้อมและมีแรงฮึด สู้ไม่ถอย วันนี้พี่มีกลวีการสร้างแรงบันดาลใจเพื่อลดความอ้วนมาฝากครับ

กลวิธีที่1
ขอให้คิดเสมอว่า เราจะต้องมีหุ่นที่สวยได้อย่างแน่นอน แน่นอนหากเราคิดเช่นนี้ การกระทำของเราก็จะเดินทางไปพร้อมกับความคิด มีความมุ่งมั่นว่าจะต้องมีหุ่นสวยให้ได้ แล้วเราจะทำทุกวิธีทาง
เพื่อเดินทางไปถึงจุดหมายปลายทางของความตั้งใจ นั่นคือการูปร่างทีสวยงาม นอกจากนี้แล้ว มันยังช่วยให้เกิดความฮึกเหิมมากยิ่งขึ้นด้วยตราบใดที่คิดอยากจะลดหุ่น เพื่อให้ทรวดทรงองค์เอวเพรียวบาง ตราบ
นั้นเราก็จะมีความพยายามที่จะทำให้ได้ แล้วในที่สุดก็จะทำมันได้ แต่หากเรามัวแต่คิดว่า เราคงไม่มีวันผอมได้อย่างแน่นอน แรงกายแรงใจก็จะหดหาย ทำให้เกิดความรู้สึกทดท้อ มันจะแสดงผลถึงการกระทำของเรา ที่จะเหลือความตั้งใจและมุ่งมั่นเพียงน้อยนิด และหมดแรงฮึดไปในที่สุด

กลวิธีที่2
เมื่อคุณเห็นคนทีมีร่างกายสมบูรณ์แบบ ชนิดที่ว่ารูปร่างเพอร์เฟ้กต์
เต็มไปด้วยมัดกล้ามแบบชายหนุ่มมาดแมน (แรงเกินร้อย) หรือหุ่นนางแบบ
สุดแสนเข็กขี่ (เกินห้ามใจ) คุณที่เป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชายก็อยากจะมีรูป
รางอย่างนั้นบ้างใชไหมละ ซึ่งมันฟงผลถึงต่อมความรู้สึกอยากของคุณ ก่อน
ที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นความพยายามที่มุ่งมั่นนี่แหละคืออีกหนึ่งแรงบันดาลใจ
ที่สำคัญเช่นกัน เพราะมันทำให้คุณรู้สึกอยากมีรูปร่าง*บบนั้นบ้าง แรง
บันดาลใจนี้ทำได้ไม่ยาก เพียงแต่คุณหารูปนายแบบนางแบบหรือจะเป็น
รูปของใคร่ได้ คนที่คุณอยากมีรูปร่างอย่างเขาคนนั้น นำมันมาติดไว้ตรง
ที่ๆ คุณจะเห็นได้ชัดทุกเวลา เช่น ติดตรงตู้เย็น ประตูห้องนอน ประตูห้องน้ำ
หรือตามผนังบ้านในส่วนด่างๆ หรือจะติดรอบบ้านเลยก็ได้ รูปพวกนั้นจะ
ทำให้คุณรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาว่า คุณจะต้องมีรูปรางแบบนั้นให้ใด้ แถมยัง
เป็นเครื่องเตือนใจชั้นดีด้วย ว่าอีกไม่นานคุณก็จะมูีรปร่างทีแสนเพอร์เฟ้กต์
อย่างนี้แล้วล่ะ แรงบันดาลใจของคุณจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นกองเชียวนะ


กลวิธีที่3
การจะลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้นคือ การทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่การทำเพื่อคนอื่น เพราะนี่มันคือร่างกายของเรา มันจึงเป็นการเริ่มต้นที่ความตั้งใจที่แท้จริงของเราเท่านั้น อย่าเอาใครคนไหนมาเป็นตัวตัดสินว่าเราจะต้องทำเพื่อเขา เราลดน้ำหนักตามความต้องการของเพื่อน ของคนรัก ของคนรอบข้าง ทีชอบบ่นกระปอดกระแปดว่าคุณชักจะอ้วนเกินไปแล้วนะ ช่วยๆลดหน่อยได้ไหม หากเราลดเพื่อเหตุนี้ มันไม่ใช่แรงบันดาลใจที่ดีนัก การทำแบบนั้นจะทำให้เรามีแรงบันดาลใจเพียงชั่วขณะเดียวเท่านั้น แต่นานไปเราจะรู้สึกท้อใจ ถ้ามันยังไม่ประสบความสำเร็จ จะเกิดคำถามขึ้นว่า “นี่ฉันกำลังทำถ้าอะไรอยู่เนี่ย” แล้วในที่สุดก็จะเลิกล้มความตั้งใจไป ทางที่ดีที่สุดคือการเริ่มต้นทำเพื่อตัวเอง ตัวของเราเองเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะมันจะทำให้ตอบคำถามของตัวเองได้ ว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่นั้น ไม่ใช่การทำเพื่ออะไร แต่เป็นการทำเพื่อตัวเองอย่างแท้จริง ผลที่ได้ก็เพื่อตัวของเราเอง แรงบันดาลใจของคือความมุ่งมั่นที่จะทำเพื่อตัวเอง ไม่ใช่ทำเพื่อใคร สิ่งนี้จะทำให้เราไม่ละทิ้งความตั้งใจไปกลางคัน และมันจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน

แรงบันดาลใจที่นำเสนอวันนี้ คือสิ่งที่เราจำเป็นต้องมีไว้ใช้ในการลดความอ้วน เพราะมันคือแรงบันดาลใจที่ใช้ได้จริง เมื่อไหร่เราทำให้ตัวเอง มีแรงบันดาลใจทั้งสามข้อนี้แล้ว เส้นชัยจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

24 June, 2011

เลือกอาหารทดแทน เพื่อรสชาติและสุขภาพ

เวลาเราเลือกกินอาหาร เรามักจะติดเรื่องรสชาติของอาหาร เพราะฉะนั้นเราจึงเลือกที่รสชาติของอาหารมากกว่าเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ วันนี้มีข้อมูลที่เป้นตัวเลือกทดแทนที่ดีทั้งรสชาติและดีต่อสุขภาพมาฝากครับ

นอกจากคุณประโยชน์แล้ว รสชาติอาหารก็เป็นสิ่งสำคัณ หลายคนจึงเลือกกินอาหารที่มีไขมันและแป้งสูงไม่ว่าจะรู้วาไม่ดีต่ออสุขภาพ แต่ก็อดใจไม่ไหว เพราะว่ามันอร่อยกว่า ห่างจากอาหารต่อไปนี้ที่จะช่วยให้คุณทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพของเรามากกว่า มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

วอลนัท

ภาพจากdic.moohin.com/w/walnut-522.shtml

1.ใช้วอลนัทแทนครูตองซ์ ถึงครูตองซ์ที่โ่รยอยู่บนซุปหรือซีซาร์สลัดจะกรอบ หอม อร่อย แต่ก็อุดมไปด้วย
คาร์ใบไฮเดรตซึ่งจะไปเพิ่มแอลดีแอลคอเลสเตอรอล หรือคอเลสเตอรอลชนิดเลว ต่างจากวอลนัทอบใหม่ที่นอกจากจะมีไขมันจนิดไม่อิ่มตัว ซึ่งช่วยทำให้ระดับคอเลลเตอรอลไม่ดีลดลงแล้ว ยังไม่ทำให้ความอร่อยลดลงด้วย

2.กินอัลมอนด์แทนชีสกับแครกเกอร์ สำหรับคนที่นิยมกินชั่วกับแครกเกอร์เป็นของว่าง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอุดมไปด้วย
ไขมันอิ่มตัวอันเป็นสาเหตุของคอเลสเตอรอลสูง ลองเปลี่ยนมากินอัลมอนด์แทนดูหน่อย แล้วคุณจะพบว่านอกจากอร่อยไม่แพ้กันแล้ว ยังช่วยให้ระดับแอลดีแอลคอเลสเตอรอลลดลงอีกด้วย

3.ใช้น้ำส้มและน้ำมะนาว แทนมายองเนส การกินผักสดดีต่อสุขภาพ แต่การราดมายองเนสที่อุดมไปด้วยไขมันลงไปบนสลัด คนรักสุขภาพเราเปรียบว่าเหมือนกับการสูบบุหรี่ขณะที่จ็อกกิ้ง ฉะนั้นเปลื่ยนมากินสลัดไขมันต่ำด้วยการเติมน้ำส้มหรือน้ำมะนาวแทนดีกว่า

4.หลีกเลี่ยงเนย เนย 1 ช้อนโต๊ะมีไขมันชนิดอิ่มตัวมากกว่า 7 กรัม ซึ่งสูงกว่าปริมาณที่แนะนำให้กินต่อวัน ควร
เปลียนมาใช้น้ำมันมะกอกแทนดีกว่า เพราะน้ำมันมะกอกเป็นแหล่งไขมันที่ดี แถมกลิ่นก็หอมชวนรับประทานไม่แพ้ กัน

5.ไก่ก็ดี แต่ปลาดีกว่า แม้ว่าไก่จะมีไขมันชนิดอิ่มตัวต่ำกว่าเนื้อแดง แต่ก็ไม่ใช่ว่าไก่จะไม่มีคอเลสเตอรอลเลย ขณะที่ปลามีคอเลสเตอรอลต่ำกว่าแถมยังมีกรดไขมันโอเมก้า 3 อีกด้วย

6.แทนที่มันฝรั่งทอดด้วยป็อปคอร์น แม้ว่าจะฟังดูแยกทั้ง 2 อย่าง แต่ถ้าคุณอยากกินของกรุบกรอบ ก็เลือกกิน
ปอปคอร์นดีกว่า เพราะมันฝรั่งทอด (ชนิดแผ่นบาง ๆ) อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและใขมัน ขณะที่ป็อปคอร์นมีไขมันชนิดอิ่มตัวต่ำกว่ามันฝรั่งทอดกรอบร้อยละ 80 แถมมีไฟเบอร์สูงกว่า 2 เท่า

7.ใช้กรีกโยเกิร์ตไขมันต่ำแทนซาวครีม เพาะซาวครีมมีไขมันชนิดอิ่มตัวสูง แม้ว่าจะทำให้อาหารหรือขนมมีรสชาติอร่อยและดูดี แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้กรีกโยเกิร์ต ที่มีไขมันต่ำ คุณจะพบว่ารสชาติหรือหน้าตาอาหารไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแถมยังเป็นมิตรกับสุขภาพมากกว่า


ที่มานิตยสาร healthtoday ฉบับ มิถุนายน 2554

19 June, 2011

งานวิจัยเพื่อการลดน้ำหนัก

เริ่มต้นด้วยงานวิจัยทีเกียวกับการกินกันสักหน่อย พบว่าคนที่รับประทานอาหารแบบ Mediterranean Diet สามารถลดไขมันบริเวณหน้าท้องได้ดีกว่า เป็นงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journol Nutritlon ปี 2009 โดยติดตามผู้หญิง-ผู้ชาย 500,000 คนอายุ 25-70 ปี ใน 10 ประเทศแถบยุโรป และพบว่าคนที่รับประทานอาหารแบบ Mediterranean ได้เเก่ พาสต้า น้ำมันมะกอก ผักผลไม้สดเนี้อไม่ติดมัน ปลา ลูกนัท และไวน์ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจต่ำสุด มีอายุยืนยาวแถมมีน้ำหนักตัวน้อยที่สุด เเละมีไขมันบริเวณหน้าท้องน้อยกว่าคนที่อนอาหาวแบบอื่น พบว่าชาวฝรั่งเศส นอรเวย์ และสวีเดน จะผอมสุดเมี่อเทียบกับชาวกวีซและสเปน

ทั้งนี้ยืนยันโดยอีกงานวิจัยในวารสาร Europexn Journal clinucol Nutrition ปี 2009 เช่นเดียวกัน โดยพบว่าคนที่รับประทานน้ำมันมะกอกจำนวนมากจะมีความเสี่ยงต่อโรคอ้วนน้อยกว่า ทั้งยังมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เส้นเลีอดในสมองตีบหรือแตก และเบาหวานน้อยกว่าด้วย ส่วนคนที่รับประทานน้ำมันมะกอกน้อยที่สุดกลับมีน้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้นกว่าคนที่อินน้ำมันมะกอกเยอะ ๆ ถึง 2.3 เท่าตัวเลยทีเดียว

ดังนั้นคุณควรเริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพด้วยการปรุงเเต่งอาพารด้วยน้ำมันมะกอกจะดีกว่าใช้น้ำมันหมู น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันพืชอื่น ๆ นอกจากนี้งานวิจัยจากสเปนยืนยันว่ากลุ่มคนที่รับประทานน้ำมันมะออกและวอลนัท จะเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานหลังอาหารได้ ดีกว่า คนทีรับประทานไขมันจากผลิตภัณฑ์นมหรีอ Dairy product

อีกงานวิจัยที่น่าสนใจจากประเทศอังกฤษ ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Europexn Journal clinucol Nutrition ตั้งแต่ปี 2008 พบว่ากลุ่มคนที่เข้ารับการทดลองรับประทานอาหารซึ่งมี Glycemic Index ต่ำจะลดน้ำหนักได้ดีกว่ากลุ่มที่รับประทานอาหารที่มี Glycemic index สูง แล้วอะไรคือ Glycemic lndex ค่านี้เรียdย่อ ๆ ว่า GI เป็นค่าที่บ่งบอกว่าอาหารที่เราวินนั้นจะไปเพิ่มน้ำตาลในกระแสเลือดได้รวดเร็วมากน้อยแค่ไหน อย่างเช่น น้ำ ตาลทราย กินเข้าไปปุ๊บน้ำตาลในเลือดก็พุ่งกระฉูดปั๊บพบ มีค่า Glycemlc Index เต็มเท่ากับ 100 ในขณะที่อาหารจำพวกผักสดและผลไม้ไปจนถึงพาสต้า ซึ่งแม้จะมีแป้งมีไขมัน แต่จะถูกดูซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ช้ากว่า กระตุ้นให้น้ำตาลในเลือดขึ้นได้อย่างช้าๆซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานแล้ว ยังพบว่ากลุ่มคนที่เลือกรับประทานอาหารซึ่งมีค่า Glycemic index ต่ำๆนั้นจะควบคุมน้ำหนักและลดน้ำหนักได้ดีกว่าคนที่กินน้ำตาล ขนมหวาน หรืออาหารที่เพิ่มน้ำตาลในกระแสเลือดแบบเฉียบพลัน


ที่มาบางส่วนจาก นิตยสารSlimming june 25011

07 June, 2011

โจ๊กข้าวโอ๊ต

มีอาหารมื้อเช้าแบบเบาๆ สบายๆท้อง คือโจ๊กข้าวโอ๊ตมาฝาก ส่วนประกอบไม่มาก ซึ่งเราก็สามารถปรุงเองได้งาย ๆ ดังนี้

โจ๊กข้าวโอ๊ต

ขอบคุณภาพจาก foodbkk.com/phpbb/viewtopic.php?f=27&t=886
โจ๊กข้าวโอ๊ต
ส่วนผสม
- ข้าวโอ๊ต อบแห้ง 7 ช้อนโต๊ะ
- เห็ดหอม 2 ดอกใหญ
- ซอสปรุงรส 1 / 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 1 /2 ถ้วย
- เกลือป่นเล็กน้อย

วิธีทำ
อันดับแรก นำน้ำสะอาดขึ้นตั้งบนเตาต้มเพื่อให้เดือด ในระหว่างที่รอน้ำเดือด ให้นำเห็ดหอม มาล้างน้ำให้
สะอาด ต้องล้างให้สะอาดจริง ๆ เพราะเห็ดหอมจะมีสิ่งสกปรกปนอยู่มาก เมื่อล้างสะอาดแล้ว ก็แช่น้ำให้บานเต็มที่ แล้วนำมาหั่นเป็นเส้นบาง ๆ แล้วพักให้น้ำหยดออกให้หมด ซึ่งตอนนี้น้ำสะอาดที่ต้มอยู่จะเดือดแล้ว ก็ให้นำข้าวโอ๊ตอบแห้งและเห็ดหอมใส่ลงไปในน้ำเดือด เติมซอสปรุงรสและเกลือป่น เคี่ยวสักพักให้เข้าเนื้อและเห็ดหอมสุก สักครู่ยกลงจากเตา รอรับประทานได้เลย

06 June, 2011

ทดสอบตัวเอง ผิวคุณแก่ก่อนวัยหรือเปล่า?.

มาลองทำแบบทดสอบนี้ดู เพื่อทดสอบพฤติกรรมที่มีผลต่อความอ่อนเยาว์ของผิวคุณ


ทดสอบผิวสวย

ภาพจากsiamanswer.com

1.บรรยายนิสัยการป้องกันแดดของคุณหน่อย

A.ฉันทาชันสันกรีนหรือมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ผสมเอสพีเอฟทุกวัน
B. ของพื้นฉันมีเอฟพีเอฟผสมอยู่แล้ว
C. ฉันใช้เฉพาะเวลาไปฮอลิเดย์

คำตอบที่ดีที่สุด : A
การถูกทำลายจากแสงแดดเป็นตัวเสริมใหญ่หลวงทำให้ผิวชราภาพ ดังนั้นต้องกระหน่ำ
ชันสกรีนเข้าไว้ เอสพีเอฟในรองพื้นยังไม่พอ ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง ดร.โวว์ ดีลอส ค้นพบ
ว่าเอฟพีเอฟ ที่ผสมอยู่ในรองพื้นมักไหลจากแก้มไปรวมอยู่ที่เส้นผม

2. คุณกินอะไรมากที่สุด จากรายการต่อไปนี้?
A. แครอท ผักโขม มะเขือเทศ แอพริคอต
B. มันฝรั่ง พาร์สนิป
C. ผักอาดแก้ว แตงกวา ถั่ว ถั่วแดง

คำตอบที่ดีที่สุด : A
ผักสด ดูจะให้แอนติออกชิแดนท์ฟาดฟันความชราได้ แต่ภารค้นคว้าใหม่จากมหา
วิทยาลัยบริสทอลพบว่า ส้ม และผักที่มีสีเข้ม จะมีแอนติออกชิแดนท์เบต้าแคโรทีนที่ช่วยทำให้
ผิวเปลงปลั่งดูเป็นหน่มสาวและมีเสน่ห์

3 ระดับความเครียดคุณเป็นยังไง?
A. เป็นประเด็นใหญ่เลยล่ะ (หย่าร้างหรือกังวลเรื่อง เงิน )
B. ก็กังวลเรื่องงานอยู่บ้าง (เส้นตายกระชั้นเข้ามา )
C.ไม่มีอะไรทำให้เครียดได้นานหรอก

คำตอบที่ดีที่สุด : C
ความเครียดเป็นตัวทำให้ผิวชรา การศึกษาพบว่าฝาแฝดที่ผ่านการหย่าร้างหรีอกินยาแก้
อาการซึมเศร้าอาจดูแก่กว่าที่หรือน้องถึงสองปีเพราะ ความเครียด เปลี่ยนระดับ ฮอร์โมน
สเตียรอยด์ ที่ผิวหนังซึ่งทำให้คอลลาเจนอ่อนแอลง ส่วนความเครียดแค่ช่วงสั้น (เส้นตายส่งงาน) จะไปรบกวนภูมิค้มกันผิว

4คุณสูบบุหรี่หรือไม่?
A. ไม่เคย
B. ไม่ แต่เคยสูบมาก่อน
C. สูบ

คำตอบที่ดีที่สุด : A
นักสูบบุหรี่จะดูมีอายุมากกว่าจริง 5-7 ปี อาจเป็นเพราะผิว 40 % บางกว่าพวกไม่สูบบหรี่
ปัญหาคือการสูบบหรี่กระตุ้นการผลิตเอมไชม์ตัวทำลายคอลลาเจนที่เรียกว่า MMP1 เมี่อ
ผสมกับการโดนแดดเข้าไปแล้วจัดเป็นส่วนผสมที่อันตราย

5.คุณมีเซ็กส์บ่อยแค่ไหน?
A. แทบไม่มีเลย
B.เดือนละครั้งสองครั้ง
C.สัปดาห์ละสามครั้งหรือมากกว่านั้น

คำตอบที่ดีที่สุด : C
อาจฟังดู แปลก แต่สัตว์ที่มีเพศสัมพันธ์สม่ำเสมออาจดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงถึง 12 ปี
นักค้นคว้าจากโรงพยาบาลสก๊อตแลนด์กล่าวไว้ที่จริงเซ็กส์จัดเป็นตัวบ่งชี้ความเยาว์วัยที่สำคัญ
เป็นอันดับสอง ข่าวดีคือการออกกำลังกายเป็นตัวบ่งชี้อันดับแรก ซึ่งคุณไม่ต้องอาศัยนอนมา
ทำด้วย



ที่มา นิตยสารSlimming ฉบับ June 2011

04 June, 2011

ขจัดรังแค ด้วยของใกล้ตัว

ใครเป็นรังแคมักจะรำคาญ และทำให้เสียบุคลิกภาพมาก ๆ จึงเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลให้กับผู้เป็นอย่าง
มาก หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องรังแค บางทีของใกล้ ๆ ตัวเหล่านี้อาจจะช่วยคุณได้

สูตรขจัดรังแค ผมสวย

ภาพจากplay.kapook.com/photo/show-55301

. ว่านหางจระเข้ หากในบ้านมีต้นว่านหางจระเข้ก็ให้นำเอาเจลสดๆ ของมันมาทาให้ทั่วหนังศีรษะ (แต่ต้อง
แน่ใจว่าคุณไม่แพ้) ทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที ก่อนที่จะล้างออกให้สะอาด

. น้ำมันจมูกข้าว นำน้ำมันจมูกข้าวประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะมารุ่นให้อุ่น ๆ แล้วนำมานวดหนังศีรษะให้ทั่ว
แล้วใช้ผ้าขนหนูที่อุ่นๆ คลุมศืรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 30-40 นาที แล้วค่อยสระผมให้สะอาด

. ทรีทีออย จัดเป็นอีกทางเลือกในการขจัดรังแคที่น่าสนใจ เพราะว่าทรีทีออยมีคุณสมบัติ ในการต่อต้าน
เชื้อราจึงช่วยขจัดรังแค โดยให้หยดทรีทีออย 2-3 หยดลงบนหนังศีรษะ แล้วสวดให้ซึมเข้าโดยไม่ต้อง
ล้าง ออก

. น้ำมันมะพร้าว อุ่นน้ำมันมะพร้าวให้อุ่น แล้วนำไปนวดให้ทั่วหนังศีรษะ ปล่อยทิ้งไว้ค้างคืน ก่อนจะสระผม
ในตอนเช้า ถ้าทำได้สัปดาห์ละ 2 ครั้งจะได้ผลดียิ่งขึ้น (จะใช้น้ำมันมะกอกแทนก็ได้)

. น้ำส้มหมักจากแอปเปิล ใช้น้ำส้มหมักจากแอปเปิ้ล 2 ส่วน ผสมในน้ำอีก 3 ส่วน สำหรับใช้เป็นน้ำ
สุดท้ายหลังจากที่กระผมและล้างให้สะอาดแล้ว หรืออาจจะใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชาผสมกับน้ำ 1 แก้วก็ได้

. โยเกิร์ต+น้ำมะนาว ใช้โยเกิร์ตและน้ำมะนาวอย่างละครึ่งถ้วย ต ห้เข้ากัน แล้วนำมาทาศีรษะแล้วทิ้งไว้
30 นาที ก่อนทีจะสระผมด้วยน้ำอุ่น

. มะนาว+พริกไทยดำ+นม ใช้น้ำมะนาว 1 ลูก พริกไทยดำป่น 10 กรัม นม 1/4 ถ้วย นำส่วนผสมทั้ง 3
จ้างมาผสมให้เข้ากัน แล้วนำมานวดศีรษะให้ทั่ว ทิ้งไว้ 60 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
ลองเลือกใช้สูตรที่อ่อนๆ ดูก่อนดีกว่า บางทีคุณอาจจะหมดปัญหาเรื่องรังแคได้ง่าย ๆ

ที่มา นิตยสาร Healthtoday ฉบับ มิถุนายน 2554

02 June, 2011

สลัดแฮมแอปเปิ้ลเขียว

มีเมนูสลัดน่าอร่อย มาฝากคนที่กำลังจะลดน้ำหนักกันครับ น่ากินมากๆสลัดแฮมแอปเปิ้ลเขียว

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ชุด)
แอปเปิ้ลเขียวหั่น 1/2 ถ้วย
พริกหวานเหลือง-แดง 1/3 ถ้วย
ผักสลัด อะไรก็ได้ที่ชอบ 1 ถ้วย
แฮมแบบรมควันฉีก 1/3 ถ้วย
ส่วนผสมน้ำสลัด
เกลือ 1/4 ช้อนชา
น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 2 1/2
น้ำมันมะกอก (extra virgin) 2ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำป่นนิดหน่อย
หอมสับ 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.ตีส่วนผสมน้ำสลัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบใจ พักไว้ก่อน
2.จัดผักและผลไม้ใส่จานรอไว้ แล้วนำน้ำสลัดมาราด เท่านั้นก็อร่อยได้แล้ว

**สูตรนี้ ให้พลังงานต่อ1 หน่วยบริโภค = 255.24 กิโลแคลอรี่
โปรตีน = 8.10 กรัม ไขมัน = 13.87 กรัม คาร์โบไฮเดรต = 24.37 กรัม
ไฟเบอร์ = 2.13 กรัม


ภาพและข้อมูลจาก health&Cuisine เมษายน 2552

29 May, 2011

สวยด้วยน้ำมันมะกอก

คนสมัยโบราณในแถบเมดิเตอร์เรเนียนนิยมใช้น้ำมันมะกอกบำรุงความงาม
เพราะอุดมด้วยวิตามินอี วิตามินเอ และพอลิฟีนอล ที่มีคุณสมบัติแอนติออกซิแดนท์
ป้องกันปัญหาผิวแพ้ง่าย มิ้รวรอย และจุดด่างดำ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด
เพิมความเต่งตึงให้ผิว มาดูกันสิว่าน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ ใช้บำรุงส่วนใดได้บ้าง

น้ำมันมะกอก

1.ดูแลเส้นผม ใช้น้ำมันนวดหนังศีรษะก่อนสระผม จะทำให้รากผมแข็งแรง
หลังสระผมใช้นวดปลายผมแล้วปล่อยให้แห้ง แก้ปัญหาเส้นผมแตกปลายได้

2.รักษาสิว แต้มน้ำมันมะกอกบนหัวสิว เพื่อขับไขมันที่อุดตันออกมา
ป้องกันไม่ให้สิวอักเสบมากขึ้น

3. มือนุ่มสวย ลูบไล้น้ำมันมะกอกบางๆ ให้ทั่วมือ เน้นบริเวณเล็บและ
ขอบ เล็บ เป็นพิเศษ

4.ออยล์นวดผิวกาย ช่วงหน้าหนาวคนผิวแห้งควรใช้น้ำมันนวดหน้าหรือ
ผิวกายก่อนอาบน้ำ จะทำให้ผิวไม่แห้งเป็นขุยและเนียนนุ่มขึ้นป้องกันผิวแตกลาย สำหรับหณิงตั้งครรภ์ทาน้ำมันหลังอาบน้ำ ป้องกันผิวลายและอาการคันได้

**ควรเลือกใช้น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ 100 % (01ive virgin oil) เพื่อให้ได้คุณค่า
วิตามินสูงและไม่ระคายเคือง ก่อนใช้ให้หยดน้ำมันมะกอกบนฝ่ามือ ถูจนอุ่น
แล้วลงมือนวดได้เลย

ที่มา นิตยสาร Health&Cuisine มกราคม 2551

23 May, 2011

หาข้อมูล ก่อนซื้อกาแฟดีท็อกซ์

มาทำความรู้จักกับอุปกรณ์กาแฟดีท็อกซ์ กันก่อน

กาแฟสำหรับทำดีท็อกซ์เป็นกาแฟชนิดคั่วแล้วบด โดยไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่ง ยิ่งกาแฟบริสุทธิ์เท่าไร ก็จะยิ่งให้กาเฟอีน
บริสุทธิ์มากเท่านั้น ในกาแฟดีทอกซ์ ไม่ควรใช้กาแฟประเภทชงดื่ม ทั้งกาแฟสำเร็จรูปหรือกาแฟไร้กาเฟอีน (ดีแคฟ) เนื่องจาก
ผ่านการปรุงแต่งมาแล้ว ทำให้มีส่วนผสมอื่นเจือปน เช่น เนย ผงกาแฟบริสุทธิ์ที่นิยมใช้มีดังนี้


กาแฟดีท็อกซ์

ภาพจากoknation.net/blog/joyjee/2009/11/12/entry-7

1.ชนิดผงชงละลายทันที
เป็นกาแฟบริสุทธิ์ผงละเอียดมากจึงไม่ต้องกรองกากออกหลังต้ม มีทั้งแบบบรรจุขวด กระป๋อง
หรือซอง สำหรับตวงเอง และแบบบรรจุซองขนาดเล็กในปริมาณสำหรับใช้หนึ่งซองต่อการทำดีท็อกซ์หนึ่งครั้ง พกพาสะดวก

2.ชนิดผงหยาบ
เป็นกาแฟบริสุทธิ์ผงค่อนข้างหยาบ ต้องใช้กระชอนกรองกากออกหลังต้มเสร็จแล้ว มีทั้งแบบบรรจุขวด
กระป๋อง หรือซอง สำหรับตวงเองเช่นกัน บางยี่ห้อบรรจุในถุงเยื่อกระดาษ์หนาดเล็ก (คล้ายถุงชา) เมื่อนำไปต้มพร้อมกับน้ำ
สะอาดจะช่วยแยกกากออกจากนำกาแฟที่จะนำมาใช้

วิธีการเก็บกาแฟดีทอกซ์ ควรเก็บกาแฟดีท็อกซ์แบบตวงเองในภาชนะที่มีฝา
ปิดมิดชิด เพื่อป้องกันกาแฟถูกความชื้นและจับตัวเป็นก้อน

ชุดทำดีทอกซ์

*ถุงดีท็อกซ์ พร้อมสายสวนทวารหนักหรือสายยาง ปลอกสวมปลายสายยาง และวาล์วปล่อยน้ำ ถุงดีทอกซ์จากพลาสติก
อย่างดี ลักษณะคล้ายถุงน้ำเกลือ พกพาสะดวก

*ขวดดีท็อกซ์ มักใช้ขวดพลาสติกขนาดบรรจุ 2 ลิตร แล้วเชื่อมสายยางเข้ากับฝาขวด สามารถเปลี่ยนขวดใหญ่ได้ตาม
ต้องการ ราคาถูกกว่าถุงดีท็อกซ์ แข็งแรง ทนทาน นอกจากนี้ยังมีเฉพาะชุดฝาขวดพร้อมสายยางจำหน่ายแยกต่างหาก แต่ขวด
ดีท็อกซ์ไม่คอยสะดวกต่อการพกพา

วิธีทำความสะอาด
ควรลวกถุงและขวดดีท็อกซ์ด้วยน้ำร้อนก่อนใช้ โดยเฉพาะบริเวณปลายสายยาง เมื่อใช้เสร็จ
แล้วให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หลีกเลียงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์แรง เนื่องจากหากล้างออกไม่หมด สารเคมีอาจเจือปนกับ
น้ำกาแฟเข้าสู่ร่างกาย

หลังจากตากถุงหรือขวดดีห็อกซ์จนแห้งแล้ว อาจเช็ดด้วยผ้าสะอาดอีกครั้งก่อนเก็บ สวมปลอกที่ปลายสายยางให้เรียบร้อย
เพือป้องกันเชื้อโรค แล้วเก็บไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท แต่ไม่สกปรกหรืออับชื้น ควรเปลี่ยนถุงดีท็อกซ์โหม่เมื่อถึงกลายเป็นสีเหลืองหรือเนื้อถุงเสื่อมสภาพจนกรอบแห้ง

*สารหล่อลื่น
ใช้สำหรับทาปลายสายยาง (อย่าลืมดึงปลอกออกก่อน)ประมาณ 2 นิ้ว เพื่อช่วยให้สอดเข้าทวารหนักง่ายขึ้น สารหล่อลื่นทีนิยมใช้มี 3 ชนิด ได้แก่

1.เจลหล่อลื่นชนิดละลายน้ำ เป็นเจลเนื้อใส ล้างออกง่ายด้วยน้ำสะอาด

2.เจลหลอลื่นชนิดไม่ละลายน้ำ หรือปิโตรเลียมเจล เนื้อเจลเหนียวเล็กน้อย ต้องล้าง
ออกด้วยน้ำสบู่ ราคาถูกกว่าเจลหล่อลื่นชนิดละลายน้ำ

3.น้ำสบู่ ทำได้ด้วยการเจือจางสบู่กับน้ำสะอาด

**ข้อควรระวัง
ควรล้างเจลหล่อลื่นบริเวณปลายสายยางให้สะอาด เนื่องจากอาจจะตกค้างจนเกิดการหมักหมมบริเวณช่องปล่อยน้ำ แล้วนำเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้

อุปกรณ์พร้อม ใจพร้อม คราวนี้ก็มาเริ่มทำดีท็อกซ์กันเลย

ที่มาข้อมูล หนังสือชีวจิต 16 พ.ค 2554

22 May, 2011

สูตรบำรุงผิวหน้าด้วยผลไม้

ผลไม้นอกจากให้คุณค่าแก่ร่างกายโดยเป็นอาหารแล้ว ยังสามารถใช้บำรุงผิวได้ดีอีกด้วย ดังนี้

บำรุงผิวหน้าด้วยผลไม้
ภาพจากkbusociety.eduzones.com

1. สูตรเพิ่มความชุ่มชื้นกับผิว โดยเฉพาะคนที่ถูกแดดบ่อยๆ ใช้แอปเปิ้ลหนึ่งลูกปอกเปลือก
หั่นเป็นชิ้นเล็ก ปั่นจนละเอียด ควรทำแล้วใช้เลยก่อนการบำรุงผิวหน้าควรใช้หมวกคลุมผมอาบน้ำ
หลังล้างหน้าสะอาดแล้ว พอกแอปเปิ้ลให้ทั่วทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก

2. สูตรสำหรับคนผิวมันใช้สับปะรดหนึ่งชิ้นใหญ่ประมาณหนึ่งในส่ของลูก สับละเอียดคั้นเอาแต
น้ำ อย่าลืมปอกตาสับปขัรดออกให้หมด เพทะอาจทำให้คัน หลังล้างหน้าสะอาด เช็ดให้แห้ง นำสำลีแผ่น
ชุบน้ำสับปะรดวางให้ทั่วหน้าเว้นรอบปาก และดวงตา ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง จึงล้างหน้า

3. สูตรกระชับรูขุมขนสมานผิว แตงกวาปอกเปลือกหนึ่งลูกหั่นเป็นชิ้นเล็กปั่นรวมกับไข่ขาว
หนึ่งฟอง เดิมน้ำมะนาวสักหนึ่งช้อนชา พอกทั่วหน้าเว้นรอบตารอบปาก

4. มาสก์แตงกวา สำหรับคนผิวมัน กระชับรูขุมขนสมานผิว แตงกวาปอกเปลีอกหนึ่งลูกหั่นเป็น
ชิ้นเล็กปั่นรวมกับไข่ขาวหนึ่งฟอง เดิมน้ำมะนาวสักหนึ่งช้อนชาพอกทั่วหน้าเว้นรอบตารอบปาก อย่าลืม
ห้ามเคลื่อนไหว ไม่อย่างนั้นเพิ่มรอยย่นขึ้นได้ สูตรนี้ทิ้งไว้ 20 นาที จึงล้างออก

5. มาสก์อาโวคาโด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเจอแดดร้อนบ่อยๆ เนื้ออาโวคาโดประมาณ 2 ผล ปั่น
รวมกับน้ำผึ้ง น้ำมะนาวอย่างละช้อนชา หลังจากที่ท้องความสะอาดหน้า พอกทั่วหน้าเว้นรอบตา และ
รอบปาก ห้ามเคลื่อนไหวบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้ 20นาทีแล้วล้างออก

6. สูตรลบรอยเหี่ยวย่น จุดด่างดำ ใช้น้ำส้มคั้นแทนน้ำสับปะรด ทิ้งไว้ แค่ 15 นาที

7. มาสก์กล้วยหอม สำหรับคนผิวธรรมดาและผิวแห้ง กล้วยหอมสุกหนึ่งผลบดขยี้ด้วยช้อน
ผสมกับน้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะ หลังล้างหน้าพอกให้ทั่วเว้นรอบตารอบปาก เมื่อพอกแล้ว ห้ามขยับกล้าม
เนื้อบริเวณใบหน้า ทิ้งไว้นานประมาณ 20 นาที แล้วล้าง ออก

12 May, 2011

สลัดเนื้อไก่อ่อน เมนูลดน้ำหนัก

เมนูสลัดเพื่อลดน้ำหนักวันนี้คือ สลัดเนื้อไก่อ่อน เป็นเมนูง่ายๆ ที่ดีต่อสุขภาพ ย่อยง่าย ให้แคลอรี่ต่ำ
ทดลองทำทานที่บ้านดูนะครับ

ส่วนผสม
ไก่อ่อน 1 ตัว
ขึ้นฉ่าย 2 ต้น
ผลมะกอกดอง 1 ผล
กะหล่ำปลีขวาดเล็ก 1 เสี้ยว
ไข่ไก่ 4 ฟอง
แตงกวา เกลือป่น พริกไทย

วิธีทำ
1. เฉือนกระดูกไก่อ่อนออก(ต้มสุกแล้ว)แล่เอาเนื้อออกแล้วหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ
2. ต้นขึ้นฉ่ายและกะหล่ำปลี นำมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ
3. เอาเนื้อไก่ ขึ้นฉ่ายและกะหล่ำปลีใส่ลงไปในอ่างและคลุกกับน้ำส้ม และเกลือ พริกไทยป่น
4. ชิมดูรสให้แน่นอนเมื่อเป็นที่ถูกใจแล้ว ก็ถ่ายใส่จานสำหรับใส่สลัดให้พูน
5. หยดน้ำซอสลงไปให้ทั่ว ผ่าไข่ต้มสุกแล้วออก ฟองละ4ซีก แต่งหน้า
พร้อมทั้งผลมะกอกดองซึ่งผ่าเป็นเสี้ยวๆ เป็นอันว่าใช้ได้

06 May, 2011

ไดเอต เรื่องง่ายๆ ธรมชาติๆ

การไดเอตเป็นเรื่องง่ายๆที่ใครก็ทำได้ การไดเอตเป็นเรื่องธรรมดาที่ฟังคุ้นหู โดยเฉพาะสาวๆต้องเคยพูดกันบ่อยๆจนติดปากอย่างแน่นอน การไดเอตกับการลดน้ำหนักมีความหมายคนละอย่าง สำหรับคนที่อยากมีหุ่นสวยชวนมอง ต้องทำความเข้าใจเรื่องการไดเอตกันให้มากเพราะการไดเอตมักมีอุปสรรคต่างๆ คอยเข้ามาขัดขวางอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะ เมนูอาหารอร่อยๆที่คอยมาล่อตา ล่อใจเราอยู่เป็นประจำ เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความสุขของคนเรานั้น อีกข้อหนึ่งคือการได้กินอาหาร อร่อยๆ ถูกปาก ในบรรยากาศดีๆ


สาวหุ่นดี
*ภาพจาก:gossipza.com

อุปสรรคอย่างหนึ่งของการไดเอตกคือ คนรอบข้างผู้หวังดีมักกลัวว่าคุณจะไดเอตแบบหักโหมจนเป็นลมเป็นแล้งไป หรือบางคนก็เห็นว่าความตุ้ยนุ้ยของคุณ ก็ดูน่ารักน่าหยิกดี ไม่เห็นต้องไดเอตให้วุ่นวายและบ้างก็บอกกับคุณว่าคุณต้องทรมานตัวเองไปทำไมเพียงแค่อยากผอมสวยไปตามกระแสแต่ใครจะรู้ดีเท่ากับคุณ ใครจะรู้ว่าที่คุณต้องไอเดตนพ้นไม่ได้เป็นเพราะกระแสอยากผอม ชนิดที่ว่าเดินมาดูเหมือนสาวไม่มีไส้หรือผอมจนแทบปลิวลม


สิ่้งที่คุณต้องการก็คือการมีรูปร่างสมส่วน มีสัดส่วนที่พอจะทำใหู้ร้ว่าตรงไหนที่เรียกว่าเอว และสิ่งสำคัญก็คือสุขภาพที่ดีขึ้น เมื่อคุณสามารถลดน้ำหนัก ได้

ขณะที่คุณไดเอตอยู่นี้จึงต้องเลิกหวั่นไหวกับคำพูดใครๆ เพราะแม้เขาจะดูหวังดีเพียงใด แต่คุณก็ย่อมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
อย่าลืมว่าไดเอตนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ ในเมื่อคุณสามารถกินจนอ้วนได้ ปล่อยปละละเลยตัวเองมาตลอดหลายปีโดยไม่เคยออกกำลังกายสักครั้ง และกินอาหารขยะมานับไม่ถ้วน การไดเอตจึงต้องเข้ามามีส่วนในเพื่อให้คุณเลิกพฤติกรรมแย่ๆ เหล่านั้น แล้วหันกลับมาดูแลตัวเอง

20 April, 2011

สปามือและเท้า

สปามือและเท้า
การทำสปาให้มือและเล็บ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยการแช่มือในน้ำอุ่นที่ผสมน้ำมันหอม
ระเหย และขัดด้วยเกลือ เพื่อให้เซลล์ที่ตายแล้วหลุดลอกออกไป และมาสก์มือด้วยไข่ขาวทิ้งไว้จนแห้ง
แล้วล้างออก ช่วยให้ริ้วรอยบนมือลบเลือน หรือใช้น้ำมันมะกอกนวดให้ทั่ว แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยากก็ใช้
ครีมบำรุงสำหรับมือ และเล็บโดยเฉพาะ ทาให้หนากว่าปกติ นวดวนเป็นวงกลมจนเนื้อครีมซึมเข้าไปจน
หมด และเพื่อคลายความเมื่อยล้าของฝ่ามือ ลองหาลูกบอลสำหรับนวดฝ่ามือ และฝึกกล้ามเนื้อมือมา
เล่นดู จะช่วยให้คลายความเมื่อยล้าลงได้

...หลังจากทำความสะอาดเล็บและตัดแต่งเรียบร้อยแล้ว ให้ต่อด้วยการบำรุงให้นุ่มนวล



สูตรถนอมมือและเท้า
วัสดอุปกรณ์
น้ำมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอมระเหยออเร้นจ์ 4 หยด
น้ำมันหอมระเหยโรสแมรี่ 2 หยด
ขวดแก้วทึบแสง

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน และเก็บไว้ในขวดลทึบเพื่อจะได้เก็บไว้โดยไม่เสีย
คุณสมบัติ

วิธีใช้
ก่อนนอนทาครีมให้ทั่วทั้งมือและนวดเบาๆแล้วหาพลาสติกห่อมือทิ้งเอาไว้ 1 คืน พอตื่นนอน
แล้วจึงแกะห่อพลาสติกออก นวดให้ทั่ว จากนั้นจึงล้างมือให้สะอาด มือจะนุ่มเนียนน่าสัมผัสขึ้นเพียงชั่ว
ข้าม คืน

วัสดุ อุปกรณ์
ขี้ผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอมระเหยมะนาว 3 หยด
น้ำมันอัลมอนด์หอม 3 ช้อนโต๊ะ
กระทะก้นแบน
หม้อ

วิธีทำ
1.นำกระทะใส่น้ำและตั้งไฟเพื่อรุ่นให้น้ำเดือด จากนั้นจึงนำขี้ผึ้งใส่หม้อเล็กๆ จากนั้นให้วาง
หม้อขี้ผึ้งลงบนกระทะอีกที คนให้ทั่วจนขี้ผึ้งเริ่มหลอม เหลว
2.ในระหว่างที่ขี้ผึ้งเหลวได้ที่ ให้หยดน้ำมันหอมระเหยมะนาว 3 หยด และคนให้ทั่ว
3.รอจนส่วนผสมเย็นและขี้ผึ้งเยนตัว ถ้ารู้สึกว่าขี้ผึ้งแข็งเกินไปให้นำขี้ผึ้งไปอุ่นอีกที แล้วหยด
น้ำมันอัลมอนด์หอม เพิ่มที่ละหยด จนขี้ผึ้งนุ่มได้ที่

วิธีใช้
ก่อนนอนทาขี้ผึ้งให้ทั่วทั้งนิ้วและเล็บ เล็บจะแข็งแรงขึ้น
การอาบน้ำที่ถูกวิธี คืออาบเสรจแล้วยังรู้สึกว่าผิวลี่น เนื่องจากฟิล์มเคลือบผิวไม่หลุดหาย
ถ้ารับประทานอาหารทะเลแล้วแพ้ ก็มีสิึทธิ์แพ้ผลิตภัณฑ็ที่สกัดจากทะเล
ทานาคา เปลือกไม้ของพม่า ผลิตภัณฑ์โฮมสปาสำคัญสำหพัสาวพม่ามานาน ผิวสาวพม่าจึง
เนียนสวย นุ่มนวล ขาวเสมอทั้งตัว เพราะในทานาคา มีสารป้องกันแสงยูวี


thank image from alisal.com

18 April, 2011

วิธีกระชับช่วงขาให้เรียวสวย

เรียวขาสวย คนที่มีขาเรียวสวยมักจะเป็นที่อิจฉาและชวนมอง การมีท่อนขาที่ย้วย หย่อนคล้อยคงไม่เป็นที่ต้องของคุณผู้หญิงทั้งหลาย วิธีกระชับขาให้เรียวสวยนั้นมีหลายวิธี วันนี้ขอเสนอวิธีกระชับเรียวขาให้สวย แบบง่ายๆ ภาพจาก siamdara.com/ColumnGirl.asp?cid=2585 ท่าที่1. ให้คุณยืนตัวตรงโดยหันด้านข้างเข้าหากำแพงหรือผนัง จากนั้นให้ ค่อยๆ ย่อตัวบนปลายเท้าทั้งสองข้าง โตยมือข้างที่ติดกับหนังให้จับผนังนอา ไว้เพื่อการทรงตัว จากนั้นให้ค่อยๆ ยืนขึ้นโดยที่ยังเขย่งอยู่บนปลายเท้า ทำท่า นี้จนครบ 30 ครั้ง ท่าที่2. ให้คุณยืนตัวตรง ขาแยกออกจากกันเล็กน้อย กำมือทั้งสองให้อยูที่ บริเวณหัวไหล่ จากนั้นให้คุณย่อตัวลงเล็กน้อยแล้วจึงยึดตัวขึ้นพร้อมๆ กับ การเหยียดแขนขวาขึ้นเหนือศีรษะโดยการวางมือออก ให้ทำเช่นเดียวกันนี้ กับมือข้างซ้ายด้วย โดยทำจนครบ 30 ครั้ง ท่าที่3. ให้คุณหาเก้าอี้มา 1 ตัว เป็นอุปกรณ์สำหรับท่าบริหารสะโพกท่านี้ใช้ มือข้างหนึ่งจับที่พนักเก้าอี้ แขนอีกข้างที่เหลือให้กางออกไปข้างลำตัว จากนั้น ให้คุณเหวี่ยงขาขวาไปด้านหน้าพยายามอย่าให้งอ จากนั้นจึงค่อยเหวี่ยงขา ไปทางด้านหลัง ทำเช่นนี้กับขาข้างซ้ายจนครบ 30 ครั้ง ท่าที่4. ให้คุณนอนหงายราบกับพื้น จากนั้นให้คุณค่อยๆ ยกลำตัวขึ้นโดย น้ำหนักตัวตกอยู่ที่บริเวณหัวไหล่และแผ่นหลังส่วนบน ใช้มือทั้งสองช่วย ปพัคองไว้ที่ด้านหลังพยายามให้ขาเหยียดตึงให้มากที่สุด จากนั้นจึงสลับขา มาในอากาศคล้ายกับการเดินนั้นเอง ให้คุณทำการสลับขาซ้ายขวาเช่นนี้ ท่าที่5. ให้คุณน่งยองๆ โดยให้น้ำหนักอยู่ที่ฝ่าเท้าทั้งสองโดยไม่ต้องเขย่ง จาก นั้นให้วางฝ่ามือทั้งสองลงแนบกับพื้นด้านหน้าแล้วจึงค่อยเหยียดตัวขึ้น โดยที่ฝ่ามือยังวางราบอยู่กับพื้น พยายามอย่ายกฝ่ามือขึ้นและให้ขาเหยียด ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ ให้คุณทำท่านี้ 30 ครั้ง ท่าที่6. ให้คุณใช้เก้าอี้เป็นอุปกรณ์ในการบริหารสะโพกท่านี้ เริ่มจากการยืน ตัวตรง ยกขาขวาขึ้นพาดพนักเก้าอี้โดยพยายามให้ขาเหยียดตรงมากที่สุด จากนั้นให้ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะและประสานมือกันเอาไว้ ค่อยๆ โน้มตัว มาทางด้านหน้า จนมือทั้งสองที่ประสานกันแตะที่ปลายเท้าขวา ให้คุณทำ ลักษณะเดียวกันนี้กับขาซ้ายบ้าง และทำท่านี้จนครบ 30 ครั้ง ลองทำตามวิธีดังกล่าวเป็นประจำ จะกระชับให้ขาคุณ กระชับ เรียว สวยชวนมอง

31 March, 2011

การขัดผิว

*จำเป็นแค่ไหนที่ต้องมีการขัดผิว
ผิวของคนเราประกอบด้วยเนื้อเยื่อสองชั้น ชั้นล่างจับต้องและสัมผัสไม่ได้ เรียกว่า หนังแท้ จะประกอบไปด้วยเส้นเลือดเส้นเลือดฝอย พังผืด และเส้นประสาทจำนวนมาก ถ้าเรามีสุขภาพที่ดีผิดของเราก็จะดู สดใสไปด้วย
ส่วนผิวชั้นบนคือ หนังกำพร้าถ้าเกิดอาการแพ้อาหาร แพ้ฝุ่นละออง แพ้อากาศ ปฏิกิริยานึ้จะแสดงออกที่ผิว เช่น เกิดผดผื่นแดง มีอาการคันเป็นต้น

ส่วนผิวชั้นบนเป้นหนังกำพร้าครึ่งหนึ่งของผิวชั้นนี้เป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้วเรียงตัวอัดกันแน่น ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวหนังชั้นที่อยู่ต่ำชั้นลงไป ตลอดจนช่วยรักษาน้ำภายในร่างกายไม่ให้ระเหยออกสู่ภายนอกเสียหมดเซลล์เก่าที่ตายไปแล้วก็คือคราบไคลนั่นเอง เมื่อหลุดออกไปเซลล์ชั้นถัดไปจะเขยิบขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะมีสภาพที่สมบูรณ์และดูสดใสพอนานเข้าก็ค่อยๆ เสื่อมสภาพและตายไปหมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น การทดแทนของเซลล์จะเกิดช้าลงเมื่อเซลล์เก่าลอกพร้อมจะหลุด แต่เซลล์ใหม่โตไม่ทัน เซลล์เก่าจึงจับตัวกันเรียงตัวไม่เป็นระเบียบจึงทำให้ผู้ใดไม่เรียบลื่น และหยาบกระด้าง ถ้าลอกเซลล์เก่านี้ออกมาได้จะพบเซลล์ผิวที่อ่อนเยาว์กว่า
การขัดผิวจึงช่วยทำความสะอาดและยังช่วยเร่งการแบ่งตัวของเซลได้เป็นอย่างดี ผิวก็จะดูนุ่มนวล ดูอ่อนกว่าวัย

*ขัดผิวเพื่อขจัดความหมองคล้ำ
การล้างหน้าและอาบน้ำตามปกติไม่สามารถชำระล้างเศษเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปได้อย่างหมดจด จึงทำให้ผิวดูหมองคล้ำไม่สดใส การขัดผิวเป็นวิธีขจัดเชลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกไป จึงช่วยสร้างพลังและเพิ่มความเปล่งปลั่งให้แก่ผิวพรรณ และถือได้ว่าเป็นวิธีการเผยโฉมความงามที่อ่อนกว่าวัยอย่างแท้จริง เพราะผิวชั้นนอกที่ตายแล้วเป็นตัวการที่ทำให้ความงามของผิวพรรณลดลง เป็นสาเหตุ
ของความหมองคล้ำแลดูไม่สดใส
ดังนั้นหากเราขัดผิวในชั้นนี้ออกไป เท่ากับเราได้เปิดโอกาสให้ผิวได้เผยความงามอันผุดผ่องออกมาอีกครั้ง

*วิธีการขัดผิวหน้า
ใช้ปลายนิ้วนาง แต้มครีมขัดผิวเพียงเล็กน้อยเท่าให้ทั่วผิวหน้าแล้วนวดเป็นวงกลมเล็ก ๆ อย่างเบามือ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และช่วยให้ครีมซึมซับสู่ผิวได้ดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงผิวรอบดวงตา และควรตัดเล็บให้สั้นก่อนที่จะลงมือขัดผิวหน้า เพื่อป้องกันการขูดขีดกับผิวหน้า ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และซับหน้าให้แห้ง

อุปกรณ์ที่ต้องใช้
เลือกใช้ครีมขัดผิวที่มีเม็ดขัดเนื้อละเอียดเกลี่ยได้ง่ายและเหมาะกับสภาพผิดของคุณ หรือจะทำใช้เองก็ได้ ซึ่งมีสูตรขัดผิวจากธรรมชาติ ให้คุณเลือกตามความชอบใจหลายสูตร สามารถค้นตามอินเตอร์เน็ตได้

07 March, 2011

การลอกหน้า

ทั้งสาวน้อยสวยใหญู่สมัยนี้ นิยมเพิ่มความสวยด้วยการลอกหน้ากันมากขึ้น ซึ่งการลอกหน้านน เป็นวิธีที่ทำให้ผิวหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ทำลายผิวหนัง ช่วยทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น การลอกหน้าเป็นวิธีการที่มีมานานกว่า 100 ปีแล้วด้วย

โดยธรรมชาติแล้วผิวของคนเราส่วนล่างสุดคือชั้นหนังกำพร้าจะมีการแบ่งตัวเพื่อการเจริญเติบโต และเคลื่อนตัวขึ้นมาชั้นบนจนออกมาเป็นคราบไคล แล้วหลุดลอกออกไป แต่การลอกหน้าจะเป็นกระบวน
การที่เร่งการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์ทำให้เซลล์ใหม่ๆ เกิดเร็วขื้นสรุปก็คือ การลอกหน้าเป็นการกระตุ้นให้เซลล์เร่งการผลิตคราบไคล และเป็นการทำให้ผิวหนังหนาขึ้น (ไม่ใชบางลง) สีของ
ผิวจางลง ทำให้จางได้ และลดการอุดตันของรูขุมขนช่วยให้เกิดสิวได้น้อยลง

การลอกหน้ายังเป็นการทำลายเซลล์ ซึ่งถูกทำลายจากสาเหตุอื่นๆ เช่น แผลเป็นจากสิวช่วยลบรอย ขรุขระบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการอักเสบในชั้นลึกของผีวหนัง ก่อให้เกิดการสร้างใยคอลลาเจนและใยยืดหยุ่นขึ้นมาใหม่ ทำให้มีการสร้างน้ำและสารบางอย่าง ช่วยใหผิวหนังมีความชุ่มชื้น ทำให้ดูหนุ่มสาวขึ้น เป็นอีกวิธีหนึ่งทีช่วยชะลอความชราของผิวพรรณได้ส่วนประเภทของการลอกหน้า สามารถแบ่งออกได้ตามระดับความลึกของการลอก ได้แก่ การลอกชนิดตื้น การลอกชนิดลึกปานกลาง และ
การลอกชนิดที่ลึก
การลอกหน้าแต่ละชนิดจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน เหมาะกับสภาพผิดที่แตกต่างกัน และมีผลดีผลเสียแตกต่างกันไปวิธีการลอกหน้า เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นนั้น แบ่งเป็น 3 ระดับด้วย กัน คือ

1.การลอกหน้าชนิดตื้น
วิธีนี้จะใช้น้ำยาสำหรับลอกหน้าที่มีประสิทธิภาพลงไปถึงชั้นหนังกำพร้า สารที่ใช้กันมากคือ กลุ่มสารAHA เช่น กรดไลโคลิก โดยใช้ความเข้มข้นในการลอกประมาณ 30-70 % ถ้ายิ่งทาทิ้งไว้นานน้ำยาก็จะยิ่งลงลึก วิธีนี้นิยมใช้กันในบรรดาร้านเสริมสวยทั่วไป แต่ปัญหาของการใช้กรดไลโคลิก คือ ถ้ามีผิวหน้าที่หนา น้ำยา
นี้จะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ แต่ถ้าผิวบางละเอียดเกินไป ก็อาจเกิดภาวะหน้าเปียก มีน้ำเหลืองไหล หรืออาจทำให้หน้าบวมได้ และไม่ได้ช่วยแก้ไขผิวหนังที่เสียจากการเป็นสิวได้

2.การลอกหน้าชนิดลึกปานกลาง
การลอกหน้าชนิดนี้ลงไปถึงชั้นหนังแท้ด้านบนลึกและดีกว่า สาร AHA โดยแพทย์
ผิวหนังเท่านั้น ที่จะใช้ยาตัวนี้ได้การลอกหน้าชนิดนี้จะช่วยลดรอยขรุขระจากการเป็นส่วนรวมทั้ง
รอยย่นต่างๆ ก็น้อยลง แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เดือนละ 1 ครั้งติดต่อกันประมาณ 1 ปี
อย่างไรก็ ตาม ก็มีข้อยกเว้น ที่ใช้ไม่ผลกับคนที่มีผิวคล้ำ ซึ่งในบางรายเมื่อทำแล้วหน้าอาจจะดำคล้ำขึ้นกว่าเดิมคนที่รับประทานยารักษาสิวจำพวกกรดวิตามิน เอจะลอกไม่ได้เพราะจะรู้สกแสบหน้ามาก หรือคนที
เป็นฝ้าแล้วเคยได้รับยาชนิดแรง ๆ คนที่มีผิวละเอียดอ่อนเกินไป รวมทั้งผิววัยรุ่นก็ไม่เหมาะที่จะทำกา
ลอกหน้าด้วยวิธีนี้

3.การลอกหน้าชนิดลึก
การลอกหน้าชนิดนี้จเหมาะสำหรับคนผิวขาวเท่านั้น คนทั่วไปไม่เหมาะที่จะทำ เพราะอาจทำให้ผิวหน้าดำได้สารที่ใช้คือ ฟีนอล การทำต้องมีวิสัญญีเเพทย์ 1 คน เพราะสารนี้อาจก่อให้เกิตอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงจำเป็นต้องมีเครื่องตรวจ หัวใจชนิดดูตลอดเวลา หลังทำแล้วต้องปิดหน้า 7 วัน และอยู่ใน
ห้อง มืดวิธีนี้จัดทำให้หน้ามี น้ำเหลืองไหลต้องเปลี่ยนผ้ากอซสะอาดทุกวันและต้องใช้ยากันเชื้อไวรัสลง
จะลอกหน้าด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังของคุณ เพื่อความปลอดภัยต่อผิวหน้าของคุณ

24 February, 2011

ทำเล็บเหลือง ให้กลับมาสวย

นอกจากมือและเท้า “เล็บ” ก็ถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่เสรมเสนห์ให้คุณได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เมื่อผวงาม
มอและเท้าเนียนนุ่ม แต่เล็บดูเกรอะกรังคงตูหมดเสน่ไปในพริบตา และไม่มีคุณสาว ๆ คนไหนปฏิเสธได้ว่าไม่อยากสวย ตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้าจริงมั้ย

ถึงเวลาในการเริ่มดูแลเท้าและเล็บ เพื่อให้มันสามารถอวดโฉม บนรองเท้าแตะคู่ใจของคุณึในัฤัดูพรอิ้น
นได้แล้ว เรามีวิธีง่ายๆ มาฝาก

ทำเล้บ

วิธีแก้ไขเล็บเหลืองให้กลับสวยใส
สาวๆ ยุคใหม่ มักจะทาเล็บเท้าด้วยสีสันที่สะดุตตา เช่นสีแดงที่ทำให้คุณดูเป็นสาวร้อนแรง และเซ็กซี่ แต่ความเซ็กซี่นั้นกลับหมดไปทันที เมื่อคุณล้างเล็บออก และพบคราบเหลืองคล้ายนิโคตินติดอยู่ บนเล็บ ชวนให้สงสัยว่า เอ.... เราไม่ได้สูบบุหรี่นี่นา ทำไมคราบคล้ายนิโคตินมาปรากฏผิดที่ตรงเล็บเท้าได้ ล้างเท่าไหร่ก็ล้างไม่ออกเพราะยาทาเล็บสีแดง ม่วงแดง หรือในตระกูลสีน้ำตาลทั้งหลายล้วน ประกอบไปด้วยเม็ด4ดำ ส่งเมื่อล้างออกจะทิง้คราบเหลืองไว้ให้ดูต่างหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณไม่ได้ทายาเคลือบเล็บรองพื้นไว้ก่อน

ส่วนผสม
- ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 6 หยด
- น้ำ 1 /3 ถ้วย
- ออยล์ หรือ ครีมสาหรับเข้ามีที่วิตามินอีผสมอยู่

วิธีทำ
1. เพียงคุณหยดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 6 หยด ผสมลงในน้ำ 1 /3 ถ้วย
2. แล้วแช่เท้าของคุณลงไปเป็นเวลา 2 นาที จากนั้นทำความสะอาดเล็บ และซอกเล็บให้ทั่วด้วยแปรงสฟัน
3. เสริมด้วยการนวดเท้าและเจ็บด้วยออยล์ หรือ ครีมสำหรับเท้ามีที่วิตามินอีผสมอยู่ ทิ้งไวัอกสัก 2 นาที
4. แล้วล้างออกให้สะอาด เท่านี้ทั้งเท้าและเล็บของคุณก็จะดูดีเหมือนเดิม

วิธีตกแต่งเล็บให้สวยงามสะดดตๆ

ขั้นตอนแรก
เตรียมน้ำร้อนใส่ร่างไว้พอประมาณ พร้อม ผ้าเช็ดตัววางไว้ข้างๆ กัน จากนั้นใส่เกลือแมกนีเซียมซัลเฟตลงไป 1/2 ถ้วย สำหรับคุณๆ ที่ต้องการความหอมกรุ่นหรือสร้างบรรยากาศ ห้องของคุณให้ดูราวกับกำลังอาบน้ำในบ่อน้ำแร่ คุณสามารถหยดยา ประเภทไอระเหยทั้งหลายที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากต้นโรสแมรี
ยูคาลิปตัส หรือ เมนทอล ลงไปด้วยก็ได้

ขั้นที่สอง
ใช้สำลีชุบน้ำยาล้างเล็บ ล้างเล็บสีเก่าออกเสียก่อน ส่วนคุณๆ ที่ผิวแห้ง ควรชโลมเข้าด้วยน้ำมันมะกอกก่อนการล้างเล็บ จากนั้นตัดเล็บและตกแต่งขอบเล็บด้วยตะไบ รูปร่างของเล็บที่จัดว่า สวย และไม่เสี่ยงต่อการฉีกขาดคือ รูปส่เหลี่ยมมุมมน

ขั้นทีสาม
น้ำร้อนที่คุณเตรียมไว้ก็เริ่มอุ่นได้ที่ หาเก้าอี้นั่งสบายๆ พร้อมแช่เท้าลงไป แล้วอ่านหนังสืออ่านเล่นเพลินๆ หรือจะเปิดเพลงบรรเลงเพราะๆ ฟัง เพียงเวลา 5 นาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก ก็พักเท้าบนขอบอ่าง ยังไม่เสร็จขั้นตอน เพื่อไม่ให้ส้นเท้าของคุณเกืดอาการน้อยเนื้อต่ำใจ ประท้วงโดยออกอาการเคล็ดขัดยอกให้คุณรำคาญใจเล่นใช้ตะไบจุ่มน้ำทำความสัมอาดส้นเท้า ทั้งด้านนอก ด้านในซอกนิ้ว และผิวหนังบริเวณเท้าให้สะอาด

**แต่มีข้อควรระวัง
ถ้าหากหนังเท้า ของคุณฉีกขาดโดยเฉพาะบริเวณที่ใกล้กับเล็บ และคุณเองก็ไม่สันทัดใน การตัดหนังเอาเสียเลย คุณควรยอมจ่ายสตางอ์เข้าร้านเสริมสวยให้ช่างทำเล็บตกแด่งให้จะดีกว่า มิฉะนั้นอาจเกิดการเลือดตกยางออกขึ้นได้

อย่าลืมว่าเท้าก็เหมือนกับอวัยวะอื่นๆ ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยงเพื่อให้เกิดความชุ่มชื้น เดี๋ยวนี้มีผลิตภัณฑ์หลายหลากไม่ว่าจะเป็นโลช่นหรือครีมบำโงเท้า นำมาชโลม และนวดตั้งแต่เท้าถึงน่อง แล้วค่อยล้างออกด้วยสบู แล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าเช็ดตัว จากนั้นก็เลือกยาทาเล็บที่คุณคิดว่าสดใสเตะตาผู้พบเห็น
ขอแนะนำ สำหรับฤดูร้อน บอกลายาทาเล็บ สีม่วงแดง หรือเฉดน้ำตาลทั้งหลายไปเลย แล้วหันมา
มองสีที่มาแรง เช่น สีชมพูสดใส สีแดงอมเหลือง หรือส้มแดง โดยอย่าลืมทา ยาเคลือบเล็บไว้ จากนั้นบรรจงทาสีที่คุณ ถูกใจทับสัก 2 ครั้ง แล้วทิ้งให้แห้งสัก 2-3 ชั่วโมง ก่อนจะใส่ รองเท้าโชว์เล็บสวย
หลังจากนั้น 3 วัน ควรเคลือบเล็บด้วยยาเคลือบเล็บอีกครั้ง เพื่อป้องกันการหลุดลอก


ขอบคุณภาพจาก stylingfashion.blogspot.com

22 February, 2011

ชาล้างพิษ

ชาเป็นเครื่องดื่มที่เรารู้จักกันมาช้านาน ทุกวันนี้เราดื่มชา เพื่อให้ประโยชน์มากมายนอกจากสุนทรีย์ทางอารมณืแล้ว ชายังสามารถล้างพิษออกจากร่างกายเราได้ แต่ต้องเป็นชาสมุนไพรเท่านั้น เพราะชาทั่วไปจะมีสารกาเฟอีน ซึ่งจะมีผลให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น มีสารแทนนินที่ทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กเป็นไปได้ไม่ราบรื่นดังเดิม และอาจทำให้ฟันมีคราบเหลือง
ชาสมุนไพร


แต่สารเคอร์เซติน (Quercetin) ในชาเขียวและชาอู่หลง กลับจะช่วยต้านมะเร็งและลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจได้ดังนั้นข้อสรุปก็คือ ระหว่างล้างพิษคุณดื่มชาเขียว ชาอู่หลงและชาสมุนไพรต่างๆ ได้

แต่ควรเลี่ยงการดื่มชาดำหรือชาฝรั่งทั่วไป เพราะอาจทำให้คุณหลับยากและเป็นไมเกรนได้ (แม้จะกระตุ้นให้กระชุ่มกระชวยขึ้นในช่วงแรกๆ)มาดูคุณสมบัติเฉพาะของชาสมุนไพรแต่ละชนิดกัน

ชาราสป์เบอร์รี(Rasbery)
ชาราสป์เบอร์รี ช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ได้ดี แก้คอเจ็บได้ด้วย

ชาคาโมไมล์(chamomile)
ดีต่อการช่วยย่อย มีฤทธิ์ช่วยให้ประสาทสงบ ทำให้หลับสบาย ลดความ ฟุ้ง ซ่าน

ชาเปปเปอร์มินต์(peppermint)
แก้Aุกเสียด แนนท้อง ซวยย่อยอาหาร แก้คลืนไฟ้อาเจียน แก้หวัด

ชาลาเวนเดอร์(Lavender)
ทำให้นอนนลับสบาย ประสาทสงบผ่อนคลาย

ชาโรสแมรี่(Rosemary)
ช่วยให้ร่างกายสดชื่น กระชุ่มกระซวย แก้อาการเหนื่อยเพลีย บำบัด
รักษาอาการปวดมึนศีรษะ บำรุงสมอง ช่วยให้จำดี จำแน่น และช่วยย่อยอาหาร

ชาดอกคำฟอย
มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอลช่วยให้ขับถ่ายสบายช่วยขับเหงื่อ
บรรทาอาการปวดรอบเดือน บำรุงของคุณผู้หญิง

ชามะตูม
ช่วยดับร้อน แก้ร้อนใน

ชากระเจื้ยบ
มีสรรพพ คุณเป็นยาดี ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดไขมันในเลือด ดับร้อน

ชาตะไคร้
ดีต่อการย่อยอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ ช่วยขับพิษ แก้
คลื่นเหียนวิงเวียน ลดความเจ็บปวดในช่องท้อง และต้านมะเร็ง

ชารางจืด
ช่วยขจัดพิษ ดับกระหาย แก้ร้อนใน แก้อาการเมาค้าง รักษาผื่นแพ้

ชาใบเตย
กระตุ้นให้สดชื่นกระชุ่มกระชวย ช่วยลดน้ำตาลในเลือด จึงดีต่อผู้
เป็นเบาหวาน ช่วยคลายเครียด และลดความดันโลหิต

เมื่อเรารู้จักกับสรรพคุณของชาแต่ล่ะชนิดแล้ว เราต้องเลือกชามาเพื่อล้างพิษให้ถูกวิธี และใช้ให้เหมาะสมกับตัวเอง

ภาพจากmedical.rtaf.mi.th

05 February, 2011

วิธีกินเพื่อเพื่อให้สุขภาพดี 9 วิธี



การมีสุขภาพดีนั้นเป็นที่ปรารถนาของคนเรา ทุกๆคน การกินอาหารนั้นนอกจากให้พลังงานแล้ว ยังทำให้เรามีสุขภาพดี แข็งแรง สดชื่น ไม่เป็นโรค วันนี้ มีวิธีกินอาหารเพื่อให้มีสุขภาพดี 9 วิธี มาแนะนำ
1.กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และกินแต่ล่ะหมู่ให้หลากหลาย
หมั่นดูแลน้ำหนักตัว แนะนำให้ยึดหลัก 5 หมู่และเพิ่มความสำคัญของการกินอาหารแต่ล่ะหมู่ให้มีความหลากหลายไม่จำเจอยู่เพียงไม่กี่ชนิด

น้ำหนักตัว เป็นเครื่องบ่งชี้อย่างง่ายถึงภาวการณ์มีสุขภาพดี คนที่กินอาหารได้เหมาะสมจะสังเกตุได้จากการมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม จะมีน้ำหนักตัวที่ไม่ผอม หรืออ้วนเกินไป และน้ำหนักค่อนข้างคงที่ ลองใช้วิธีสังเกตดูว่า เสื้อผ้าเก่าๆเรานำกลับมาสวมใส่ได้หรือเปล่า ถ้าเริ่มรู้สึกอึดอัด แสดงว่าเริ่มกินอาหารมากเกินไป น้ำหนักตัวก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักปกติควร
ต้องควบคุมลดปริมาณอาหารให้น้อยลง อย่าเปลี่ยนขนาดของเสื้อผ้า ตามรูปร่าง เพราะจะทำให้น้ำหนักตัวและฟวนสัดเพิ่มขึ้น๒รื่อยๆ ด้วย เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ถ้าน้ำหนักตัวลดลงเรื่อยๆ เสื้อผ้าที่เคยสวมใส่ได้สบายๆ กลับรู้สึกหลวมกว่าปกติ ก็ควรจะให้ความสนใจสังเกตตัวเองดูว่า ทานอาหารน้อยลงกว่าปกติหรือไม่ หาสาเหตุว่าผอมลงเพราะอะไร เพื่อป้องกันแก้ไขได้ทันท่วงทีในกรณีที่อาจมีโรคภัยไข้เจ็บโดยไม่รู้ตัว ถ้าน้ำหนักลดลงเรื่อยๆ ทั้งที่รับประทานเหมือนปกติ ไม่ได้อดอาหาร ควรพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ

สำหรับเด็กที่อยู่ในวัยเจริญเติบโต น้ำหนักตัวควรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในอัตราที่เหมาะสม ผู้ปกครองควรดูแลเด็กโดยชั่งน้ำหนักตัวอย่างน้อยเดือนละครั้ง

2.กินข้าวเป็นอาหารหลัก และกินแป้งอื่นๆเป็นบางมื้อ
คนไทยส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับการกินข้าวเป็นอาหารหลัก ซึ่งการกินข้าวเพื่อสุขภาพที่ดี ควรเลือกกินข้าวซ้อมมือเพราะมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน และ ใยอาหาร มากกว่าข้าวที่ ขัดสีจนขาว อาหารจำพวกแป้ง เช่น ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ควรรับประทานเป็นบางมื้อเท่านั้น เพราะอาหารเหล่านี้เป็นอาหารที่ผ่านการแปรรูป ใยอาหารจะมีน้อยกว่าในข้าว

3.กินผักให้มาก กินผลไม้เป็นประจำ
พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่สำคัญหลายชนิด คือ การจัดแยกผัก และผลไม้
เป็นอาหารคนล้ะชนิดเพราะบ้านเรา มีผักและผลไม้อุดมสมบรูณ์ มีให้เลือกบริโภคตลอดปี
พืชผักและผลไม้ให้สารอาหารที่จำเป็นได้แก่ วิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และ ให้สารอื่นที่มิใช่สารอาหาร เช่น สารแอนตี้ออกชิแดนท์ ที่ช่วยไม่ให้อนุมูลอิสระทำลายเนื้อเยื่อและผนังเซลล์ ช่วยชะลอการเสื่อมสลายของเวลล์ ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส และเป้นสมุนไพรไปในตัว

4.กินปลา และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ
อาหารเหล่านี้ เป็นอาหารที่ให้โปรตีน โดยเน้นปลาและอาหารประเภทถั่วเมล็ดแห้ง เช่น เต้าหู้ชนิดต่างๆ
การกินเนื้อสัตว์ ควรเลือกที่ไม่ติดมันหรือที่มีมันน้อย ไข่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ ควรกินเป็นประจำเด็กควรกินวันละฟอง ผู้ใหญ่ภาวะปกติควรกินวันเว้นวัน หรือ สัปดาหละ2 - 3 ฟอง ส่วนคนที่มีปัญหาโคเลสเตอรอลในเลือดสูงควรลดปริมาณลง

5.ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
น้ำนม เป็นอาหารที่มีประโยชน์สมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารของโปรตีน แคลเซียม วิตามินบี 2 และ แร่ธาตุต่างๆ
ถ้ากลัวว่าการดื่มนมมากๆ อาจทำให้อ้วน ก็สามารถเลือกดื่มนมพร่องไขมันได้ และในเวลาเดียวกันควรควบคุมปริมาณไขมัน ในอาหารชนิดอื่นด้วย เพราะเพียงไขมันจากน้ำนมอย่างเดียวไม่ไต้ทำให้เกิดโรคอ้วน เด็กควรดื่มวันละ 1-2 แก้ว ผู้ใหญ่และผู้สูงอายุควรดื่มวันละ 1 แก้ว

6.กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร
ถึงแม้ไขมันจะเกี่ยวข้องกับปัญหาโชนาการ เช่น โรคอ้วนภาวะไขมันในเลือดสูง ซึ่งนำไปสู่โรคหัวใจขาดเลือดได้ แต่ร่างกายก็ต้องการไขมันเพื่อสุขภาพด้วยเช่นกัน เพียงแต่จะ ต้องควบคุมปริมาณ และ ชนิดของไขมันที่จะบริโภคให้เหมาะสม ลดอาหารที่มีไขมันมาก เช่น หมูสามชั้น ขาหมูพะโล้ และ อาหารที่ใช้น้ำมัน หรือ กะทิจำนวนมากในการประกอบอาหาร

7.หลีกเลี่ยงอาหารรสหวาน-เค็มจัด
ส่วนประกอบสำคัญของอาหารรสหวานจัดและเค็มจัดได้แก่ น้ำตาล และ เกลือแกง ซึ่งส่วนประกอบทั้ง 2 ชนิด เมื่อบริโภคมากเกินไป เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคอ้วน และ
โรคความดันโลหิตสูงวิธีปฏิบัติ นอกจากการหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสหวานจัดเเละ เค็มจัดแล้ว ผู้บริโภคควรพยายามรับประทานอาหารที่มีรสธรรมดาไม่ควรเติมน้ำตาลหรือเกลือเพิ่มเติมในอาหารที่ปรุงแล้ว หรีอหันมากินอาหารแบบไทยเดิมที่มีกับข้าวหลายชนิด เพื่อให้เกิดรสชาติที่หลากหลาย

8.กินอาหารที่สะอาดปราศจากสิ่งปนเปื้อน
การกินอาหารที่สะอาดนับเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะช่วยลดอันตรายจากสิ่งปนเปื้อนตางๆ ซึ่งอาจเป็นเชื้อโรค พยาธิ สารพิษสิ่งแปลกปลอมต่างๆผู้บริโภคควรเลือกซื้ออาหารจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้มีการผลิตที่ถูกต้อง มีการเก็บรักษาที่เหมาะสมอาหารสำเร็จรูปควรบรรจุในภาชนะที่เหมาะสม สะอาดมีฉลากที่ถูกต้อง บอกวันหมดอายุ ส่วนประกอบ ชื่ออาหารสถานที่ ผลิต

นอกจากนี้ ควรมีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหาร เช่น ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร การใช้ช้อนกลาง หรือ ใช้หยิบจับอาหารแทนการใช้มือ

9.งดหรือลดการดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มแอลกอฮอล์มากๆ จะมีผลทำให้การทำงานของสมองและระบบประสาทช้าลง เกิดการขาดสติได้ง่าย นำไป การเกิดอุบัติเหตุ เสียทรัพย์ เสียสุขภาพ ก่อให้เกิดโรคตับแข็งและ การขาดสารอาหารที่สำคัญหลายชนิด จึงควรลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือควรหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด

ข้อแนะนำการบริโภคอาหารสำหรับคนไทยทั้ง 9 ข้อ เป็นประโยชนลำหรับผู้บริโภคขาวไทยทุกคน เป็นการให้คำแนะนำ ในทางปฏิบัติได้ชัดเจนขื้น และ มีความยืดหยุ่นในตัว ที่แต่ละคนสามารถปรับให้เหมาะสมกับตนเองได้ เพื่อสุขภาพที่ดี
ขอบคุณภาพจาก vcharkarn.com/varticle/40063

28 January, 2011

การบำบัดด้วยอโรมาเธอราปี

การบำบัดด้วยอโรมาเธอราปีเป็นการใช้น้ำมันหอมระเหย มาใช้ในการบำบัด น้ำมันที่ได้นี้สกัดมาจากส่วนต่างของพืช ชนิดต่างๆ

อโรมาเธอราปี




การบำบัดด้วยอโรมาเธอราปี


แบ่งออกเป็นบำบัดตามส่วนต่างๆเช่น

ผม
1.เพื่อแก้ปัญหาผมแห้ง
ทำได้โดยการผสมน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ เมล็ดแครอท เจอราเนี่ยม
เบิร์ช แซนเดิ้ลวู้ด เยรโรว์ อย่างใดอย่างหนึ่ง 2 หยดกับน้ำมันพื้นฐาน เช่น อัลมอนด์หอม อโวคาโด
โจโจบา น้ำมันงา จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ ให้ชโลมเส้นผมและหนังศีรษะ แล้วห่อด้วยผ้าขนหนูที่ชุบน้ำอุ่นไว้ 2 ชั่วโมง หรือทั้งคืนก็ได้ แล้วล้างออกด้วยน้ำผลไม้เช่น เลมอนคั้นสด ช่วยให้ผมเป็นเงางามไม่แห้ง และผมจัดทรงได้ดี

2.เพื่อแก้ปัญหาผมมัน
ให้สระด้วยแซมพูอ่อนๆ ที่ผสมโรสแมรี 1 หยด หรือจะใส่ลาเวนเดอร์
ยูคาลิปตัส ไซเพรส เลมอน เพราะน้ำมันหอมระเหยที่กล่าวมานี้ดีสำหรับผมมัน แต่ว่าจะใช้เบซิล เสจ ไทม์ ก็ได้เช่นกัน

3.แก้ปัญหาผมเสียหรือแตกปลาย
ให้ใช้น้ำมันหอมระเหยเเคดเด และคาโมไมล์เยอรมันหยดในแชมพูอ่อนๆ สระผม หรึอจะใช้ผสม 2-3 หยดกับน้ำมันพื้นฐาน เช่น โจโจบา หรือน้ำมันงา ใช้นวดแล้วหมักโดยห่อผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นๆไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง

4.เพื่อให้ผมดำเงางาม
โดยใส่น้ำมันหอมระเหยแพทชูลี่ และกระดังงา อย่างละ 1 หยด ใน
น้ำ้มันตัวพา 1 ช้อนโต๊ะ นวดให้ทั่วหนังศีรษะ แล้วห่อด้วยผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น หมักทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ก่อน แล้วสระออก

อโรมาเธอราปีกับการอาบน้ำ
การจะแช่น้ำผสมน้ำมันหอมระเหยนั้น ก่อนอื่นต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อน แล้ว
จึงลงแช่โนอ่างอาบน้ำซึ่งได้หยดน้ำมันหอมระเหยลงไปผสมกับน้ำอุ่น ต้องลงทันทีที่ผสม ความอุ่นของน้ำจะช่วยให้น้ำมันซึมซาบเข้าสู่ผีวพร้อมๆ กับได้สูดดมกลิ่นไอหอมไปด้วย จะทำให้รู้สึกดีผ่อนคลายและสบายตัวหากขัดถูด้วยฝองน้ำ หรือบวบถูตัวจะได้ผลดียิ่งขึ้น
ส่วนการอาบน้ำด้วยฝักบัว หรือตักอาบให้ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำอุ่น คิดให้หมาดๆ แล้ว
หยดน้ำมันหอมระเหยลงบนผ้า ขัดถูตามร่างกายจะช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สบาย และสดชื่น

เซลลูไลต์หรือเปลือกส้ม
การบำบัดเซลลูไลต์นั้นก็มีวิธีดังนี้
1. นวดบริเวณที่เป็นเซลลูไลต์ ด้วยน้ำมันนวดผสมกับน้ำมันหอมระเหยไซเพรส เจอราเนี่ยม เกรฟฟรุต จูนิเพอร์ ลาเวนเดอร์ เลมอน ออเร้นจ์ หรือ โรสแมรี่วันละ 2 ครั้งเพื่อเพิ่มการไหลเวียนโลหิต

2. ใส่น้ำมันหอมระเหยที่กล่าวมา 2-3 หยดในน้ำอุ่นๆ แล้วถูนวดกับฟองน้ำ หรือบวบถูตัว เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต น้ำมันหอมระเหยจะช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

สำหรับผิวเหี่ยวย่น หยาบกร้าน
-เพิ่มความชุ่มชื้น และลดริ้วรอย
โดยผสมน้ำมันหอมระเหยเมล็ดแครอท 4-5 หยดกับน้ำมันตัวพา 1 ช้อนโต๊ะ นวดผิวหนังวันละครั้งก่อนนอน อาจใช้พาลมาโรส หรือแฟรงคินเซ้นส์แทนก็ได้

-ทำให้ผิวหนังสดชื่นและคืนความมีชีวิตชีวา
โดยใช้น้ำมันหอมระเหยเฟนเนิล 4- 5 หยดกับน้ำมันตัวพา 1 ช้อนโต๊ะใช้ทานวดหน้าและลำคอเป็น
ประจำ

-ทานวดผิวเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต และกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวหนัง
ด้วยน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ เนโรลี่ เบอร์กาม็อทและกระดังงากับน้ำมันตัวพา อย่างเช่น อัลมอนด์หอม อีฟนิ่งพริมโรส อโวคาโด

เท้า
-หากเท้ามีอาการบวม
ให้แช่เท้าที่บวมในอ่างในน้ำแข็ง โดยผสมลาเวนเดอร์ 3 หยด แช่ 10นาที จะทำให้สดชื่น และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต
-ผ่อนคลายเท้าในน้ำอุ่น
โดยใส่น้ำมันหอมระเหย 3 -5 หยด ใส่เกลือแมกนีเซียมซัลเฟต 1 ช้อน
โดยแช่ 15 นาที (ไซเพรส และทีทรีเป็นยาดับกลิ่นโดย ธรรมชาติ )

-นวดเท้าด้วยน้ำมันนวดที่ผสมน้ำหอมระเหย
โดยน้ำมันตัวพา 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำมันหอมระเหย 4-5 หยด

สุขภาพปากและฟัน
สำหรับสุขภาพปากและฟัน ทำได้โดยหยดน้ำมันหอมระเหย 2-3 หยดในน้ำ 1/4 แก้ว คนให้เข้ากัน แล้วใช้บ้วนปาก หรือกลั้วคอสำหรับ เด็กควรใช้เพียง 1 หยดเท่านั้น

สำหรับการอบไอน้ำให้ใบหน้า
ให้เทน้ำร้อนประมาณ 1 ลิตรในอ่าง แล้วใส่น้ำมันหอมระเหยประมาณ 4-5 หยด จากนั้นอังหน้า
ไว้เหนือน้ำร้อนประมาณ 1 ฟุต ใช้ผ้าขนหนูคลุมศีรษะไว้ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ

ข้อควรรู้เกี่ยวกับน้ำมันหอมระเหย
* อ่านคำเตือน หรือฉลากให้เข้าใจก่อนใช้
* ระวังในเรื่องของปริมาณการใช้น้ำมันหอมระเหย เพราะถ้าใช้มากเกินไปอาจทำให้ผิวหนัง
ระคายเคือง
* เก็บในขวดแก้วทึบแสง ให้พ้นจากความชื้น แสงแดด ความร้อน และใช้ให้หมดภายในเวลา
ที่กำหนดไว้ ประมาณ 1-3 ปี
*ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงต่อผิวหนัง
* ห้ามให้น้ำมันหอมระเหยเข้าดวงตา ซึ่งถ้าเข้าตาแล้วคุณควรธีล้างออกด้วยพสด หรือน้ำมัน
พืช และควรธึพบแพทย์โดยเร็ว
*อย่าปล่อยให้ผิวหนังโดนแสงแดด หลังการใช้น้ำมันหอมระเหยไลม์ เลมอน เบอร์กามอท
ออเร้นจ์ เพราะอาจเกิดอาการระคายเคืองได้
* ห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์ โดยไม่ได้รักษาแพทย์ก่อน ห้ามใช้นวดบำบัดผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยว
กับกล้ามเนื้อ หรือกระดูกหัก


ขอบคุณภาพจาก umember.com