25 March, 2009

เคล็ดลับ สวยใน 4 สัปดาห์



เคล็ดลับ สวยใน 4 สัปดาห์
เคล็ดลับสวยใน 4 สัปดาห์นี้จะทำให้คุณดูดีทั้งด้านสุขภาพกายและผิวพรรณ ทดลองปฏิบัติตามได้ดังนี้

สัปดาห์ที่ 1.

ดื่มนมถั่วเหลือง 3 ครั้ง/สัปดาห์
อาบน้ำขัดตัวด้วยใยบวบ มาสก์ผิวหน้าและผิวตัวด้วย สับปะรดผสมน้ำผึ้ง
ขัดข้อศอก หัวเข่า มือและเท้า ด้วยมะนาว
กินปลา 3 ครั้ง ในสัปดาห์
ดีท็อกซ์ 1 วันด้วยการงดอาหารพวกแป้งและเนื้อสัตว์ กินแต่น้ำผักน้ำผลไม้ หรือผักต้มและผลไม่สดตลอดวัน
เต้นแอร์โรบิค ประมาณ 40 นาทีหรือ อาจฝึกโยคะ 50-60 นาที 3 ครั้งในสัปดาห์
จ็อกกิ้ง หรือเดินเร็วๆ 50-60 นาทีในสัปดาห์
ดื่มน้ำ 8 แก้ว/วัน
กินผักและเมนูผักทุกๆวัน
นอนหลับพักผ่อน 6-8 ชั่วโมง/วัน

สัปดาห์ที่ 2.
กินแอปเปิ้ลวันละ 1 ผล สัก 4-5 วัน ในสัปดาห์
ลดอาหารรสจัด เค็มจัด หวานจัด เผ็ดจัด เปรี้ยวจัด อาหารไขมันสูง
กินธัญพืช เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง หรือ ลูกเกด
กินแกงจืดเต้าหู้หรือสลัดผัก
ขัดเท้าด้วยน้ำมันมะกอกกับน้ำตาลทราย
ขัดตัวด้วยรำข้าวกับโยเกิร์ต หรือ ข้าวโอ๊ตผสมน้ำผึ้ง
ขัดหน้าด้วยโยเกิร์ตกับข้าวโอ๊ต
บริหารร่างกาย วันละ 40 นาที 3 วันในสัปดาห์
วิ่งจ็อกกิ้ง 2 วันๆละ 30-40 นาที
นั่งสมาธิ หมักผมด้วยน้ำมันมะกอก 10 นาทีแล้วล้างออก

สัปดาห์ที่ 3.
กินโยเกิร์ตเป็นอาหารเช้า หรือระหว่างมื้อถ้ารู้สึกหิว
กินตับสัตว์ 2 ครั้งในสัปดาห์ โดย ปิ้ง ย่าง หรือ ผัด
กินฟักทอง ปลาเล็กปลาน้อย
จัดให้มีเมนูผักตลอดทั้งสัปดาห์
ดีท็อกซ์ 1 วันด้วยการดื่มแต่น้ำผักผลไม้
เต้นแอร์โรบิค 60 นาที 2 วันในสัปดาห์
ฝึกโยคะ 2 วันๆละ 40-60 นาที
นวดตัวเพื่อผ่อนคลาย และกระตุ้นผิวทั่วร่างกาย
หลับพักผ่อนให้เพียงพอ
ดื่มน้ำเปล่า จิบบ่อยๆตลอดวัน
ชโลมผิวด้วยครีมบำรุงทั่วตัวทั้งลำคอ แขน ขา

สัปดาห์ที่ 4.
กินอาหารทะเล กินปลา กินโยเกิร์ต
ดื่มนมถั่วเหลือง
กินแอปเปิ้ลทุกวันๆละ 1 ผล
ใช้แตงกวาฝานบางๆแช่เย็น แปะรอบดวงตาแล้วนอนหลับสัก 15 นาที ค่อยล้างออก
ออกกำลังกายด้วยการเดิน 60 นาที 3 ครั้งในสัปดาห์
กินสลัดผักแทนอาหารมื้อเย็น 3 วันในสัปดาห์
เข้านอนแต่วันตื่นเช้าตรู่

หากทำได้ดังเคล็ดลับนี้จะช่วยให้คุณดูดี และมีสุขภาพผิวพรรณที่ดีขึ้นภายใน 4 สัปดาห์

21 March, 2009

เคล็ดลับการดูแลผม



เคล็ดลับดีๆกับการดูแลผม
ปกติคนเราจะสระผม 2-3 วัน/ครั้ง ถ้าผมไม่สกปรกมาก สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว สำหรับคนที่ชอบสระผมบ่อยๆควรใช้แชมพูอ่อนๆหรือแชมพูเด็กก็ได้ การใช้แชมพูที่มีค่า PH ต่ำจะมีประโยชน์ต่อเส้นผมมากที่สุด จากนั้นค่อยใช้ครีมบำรุงผมหมักผมเพื่อฟื้นฟูสภาพผมสัปดาห์ละครั้งแชมพูสระผมที่เราใช้กันอยู่นั้นที่จริงมีความเข้มข้นมาก หากหลังสระเราล้างไม่หมด จะตกค้างและทำร้ายเส้นผมเราได้ เคล็ดลับดีๆคือทำการเจือจางแชมพูลงด้วยการแบ่งใส่ขวดเปล่าอีกใบแล้วผสมน้ำเปล่าลงไปอัตราครึ่งต่อครึ่ง ทีนี้คุณก็จะได้แชมพูที่อ่อนไม่ทำร้ายเส้นผมแล้วยังประหยัดค่าแชมพูไปได้อีกนาน การสระผมควรเทแชมพู ลงบนฝ่ามือผสมน้ำเล็กน้อยขยี้ให้เกิดฟองก่อนนำไปสระ จะดีกว่าการเทลงบนผมโดยตรงเพราะผมจะได้ไม่สัมผัสกับแชมพูโดยตรง หลังสระผมควรล้างแชมพูออกให้หมด อย่าให้ตกค้างบนศีรษะ คนที่มีผมมันไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดผมบ่อย ส่วนผมแห้งเสียควรใช้ครีมนวดแค่ตรงบริเวณปลายผมเท่านั้น ส่วนผมธรรมดาไม่ต้องใช้ครีมนวดผมทุกครั้งหลังสระ เพราะจะทำให้ผิวหนังเกิดปัญหาได้
เคล็ดลับการถนอมเส้นผม ไม่แปรงผมขณะเปียก เส้นผมที่เปียกจะอ่อนแอขาดร่วงง่าย ควรซับผมหรือเป่าผมให้แห้งก่อนแปรงผม แปรงที่ใช้ควรใช้แปรงนวดศีรษะไปด้วยเพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบนศีรษะจะช่วยบำรุงเส้นผมให้แข็งแรงได้ ไม่จำเป็นต้องเป่าผมให้แห้งทุกวันควรใช้ผ้าซับผมแล้วปล่อยให้ผมแห้งเองโดยธรรมชาติจะดีกว่า การเป่าผมควรก้มศีรษะให้ต่ำลงแล้วเป่า อย่าให้ไดร์เป่าผมอยู่ใกล้กับศีรษะมากเกินไปไอร้อนจะทำให้ผมเสียได้ หลังผมแห้งควรใช้แปรงซี่ห่างๆหวีผม การใช้แกนม้วนผมไฟฟ้าควรทำหลังผมแห้งเสมอ มิฉะนั้นผมจะเสียง่าย การทำสีผมควรทำโดยเลือกใช้สีที่อ่อนกว่าสีผมจริงเพราะจะทำให้ใบหน้าสว่างขึ้น ควรเว้นสัก 2-3 เดือนสำหรับการดัดหรือทำสีผมใหม่อีกครั้ง ควรเล็มปลายผมทุก 4-6 สัปดาห์เพื่อป้องกันผมแตกปลายและตัดเล็มทุก 2 เดือนเพื่อรักษาสภาพผมหลังว่ายน้ำควรสระผมทุกครั้ง ถ้าเล่นน้ำทะเลหรือไปตากอากาศหลายวันควรบำรุงเส้นผมด้วยการหมักผมเพื่อป้องกันผมเสียจากแดดและลม ใช้ที่รัดผมโดยเฉพาะดีกว่าการใช้หนังยางรัดผมเพราะผมจะขาดและหลุดร่วงได้ง่ายกว่า

19 March, 2009

เคล็ดลับการล้างหน้าอย่างถูกวิธี



ใบหน้าเรานั้นเป็นปราการด่านแรกที่จะเผยโฉมให้ใครต่อใครเห็น คนจะประทับใจเรามากน้อยก็อยู่ที่ใบหน้าก่อนอย่างอื่น หากเรามีใบหน้าที่สวยสดใส ไร้สิวฝ้าผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ ใครที่พบเจอก็ต้องเกิดความประทับใจ ตื่นเช้าเราล้างหน้ากันทุกวัน การล้างหน้าเป็นการชำระสิ่งสกปรกที่ติดค้างอยู่บนใบหน้าออกไป แต่เราแน่ใจหรือว่า เราล้างหน้าอย่างถูกวิธีแล้วการล้างหน้าอย่างถูกวิธีนอกจากใบหน้าจะสะอาดแล้วเรายังไม่รบกวนผิวหน้า ทำให้เกิดการระคายเคือง และได้รับการบำรุงอย่างถูกวิธี


ขั้นตอนการล้างหน้าอย่างถูกวิธีมีดังนี้

1. เลือกผลิตภัณฑ์ ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตัวเอง เช่น ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวธรรมดา สูตรอ่อนโยน สูตรบำรุงผิว สูตรกำจัดสิว มีให้เลือกมากมายและหาซื้อได้ง่าย

2. เริ่มจาก บีบโฟม หรือสบู่เหลวลงบนมือผสมน้ำเล็กน้อย ขยี้เบาให้เกิดฟอง ก่อนจะนำไปลูบไล้บนใบหน้าเบาๆ

3. เริ่มต้นล้างหน้า การล้างหน้าอย่างถูกวิธีโดยเริ่มที่แก้มทั้ง 2 ข้าง โดยใช้นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง ถู วนแก้มเบาๆจากนั้นวนขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงหน้าผาก ใช้ทั้ง 3 นิ้วถูวนเบาๆเหมือนกับที่แก้ม

4. ต่อที่จมูก หลังถูวนเบาๆที่หน้าผากแล้ว ให้ลากมือมาที่จมูก โดยใช้เพียงนิ้วนางนิ้วเดียวลากไถไปเป็นแนวจากฐานจมูกขึ้นไปถึงสันจมูกเบาๆ

5. ต่อที่ปากและคาง พอทำความสะอาดจมูกเสร็จแล้วก็ให้ลงมาทำความสะอาดที่ปากและคาง โดยใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางถูนวดเบาๆรอบๆริมฝีปากเพื่อทำความสะอาด

6. ดวงตาเป็นที่สุดท้าย ดวงตาเป็นผิวที่บอบบางที่สุดของใบหน้า ใช้นิ้วชี้และนิ้วนางโดยวางนิ้วชี้บริเวณเปลือกตา แล้วใช้นิ้วนางถูนวดเบาๆโดยไล่นิ้วนางจากหัวตาไปหางตา

7. ล้างออกด้วยน้ำสะอาด ซึ่งถ้าจะให้ดีควรใช้การประคบร้อนประคบเย็น โดยก่อนและหลังการใช้ผลิตภัณฆ์ที่ใช้ล้างหน้าควรใช้น้ำอุ่น แต่พอเสร็จสิ้นกระบวนการ ก็ให้ล้างด้วยน้ำเย็นเพื่อกระชับรูขุมขน

8. การซับหน้า ใช้ขนหนูที่สะอาดและแห้งสนิท ซับเบาๆ ไม่ใช่ถูเช็ดหน้า เพราะการเช็ดถูหน้าจะทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้ การซับหน้าเบาๆเป็นวิธีที่ดีที่สุด การล้างหน้า ล้างวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว เพราะจะไม่ไปรบกวนผิวมากจนเกินไป

สูตรการทำน้ำข้าวกล้องงอก




ข้าวกล้องมีสารประกอบที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ข้าวกล้องปริมาณ 100 กรัม จะมีโปรตีน 7.2 กรัม ไขมัน 3.4 กรัม ใยอาหาร 3.4 กรัม นอกจากนี้ยังมี เกลือแร่ วิตามิน ได้แก่ โซเดียม โปรแตสเซียม แคลเซียมฟอสฟอรัสและแมกนีเซียม ซึ่งสำคัญต่อการสร้างกระดูก ข้าวกล้องจะมีวิตามินสูงกว่าข้าวขาวถึง 2 เท่าแต่เนื่องจากข้าวกล้อง ไม่นุ่มเหมือนข้าวขาวคนถึงไม่นิยมกินกันข้าวกล้องอุดมไปด้วยวิตามิน A ,E ,B1 ป้องกันโรคเหน็บชา B2 ป้องกันโรคปากนกกระจอก ข้าวกล้องยังมีใยอาหารสูงช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้เป็นอย่างดีลดอาการท้องผูก โรคเกี่ยวกับลำไส้ โรคมะเร็งลำไส้ ป้องกันหัวใจขาดเลือด โรคเบาหวาน ที่สำคัญข้าวกล้องมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน ไฟโตสเตอรอล โทโคเฟอรอลออริซานอล และกรดโฟลิกคุณประโยชน์ข้างกล้องมีอยู่มากมาย จึงอยากเชิญชวนให้หันมาบริโภคข้าวกล้องกัน ข้าวกล้องสามารถนำมา ปรุงเป็นอาหารได้หลากหลาย ยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่ม ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวันนี้ จึงอยากจะมาแนะนำวิธีการทำน้ำข้าวกล้องงอก เพื่อใช้ดื่มกันเองที่บ้านได้
การเพาะข้าวกล้องงอก
เลือกซื้อข้าวกล้องที่ใหม่สด เพราะจะทำให้เปอร์เซ็นต์การงอกมากที่สุด โดยดูจากวันเดือนปีที่ผลิต หากไม่เกิน 6 เดือนจะได้ข้าวกล้องงอกดีที่สุด หากเป็นข้าวใหม่ แช่น้ำทิ้งไว้ไม่เกิน 4-5 ชั่วโมงก็จะสังเกตเห็นตุ่มๆงอกออกมาได้ เป็นใช้ได้ แต่อย่าให้งอกจนมีใบเพราะสารที่มีในข้าวกล้องที่ชื่อ กาบา จะหายไปทำให้ได้ประโยชน์ลดลง

อุปกรณ์ในการทำน้ำข้าวกล้องงอก
1. เครื่องปั่นไฟฟ้า
2. ชามหรือกะละมังแช่ข้าว
3. ทัพพี หรือช้อน
4. หม้อสำหรับต้ม
5. กระชอนหรือ ผ้าสำหรับกรอง
6. ตาชั่ง

วิธีการทำ
1. นำข้าวกล้องที่งอกแล้ว 150 กรัม ล้างจนสะอาด เติมน้ำ 2 ลิตร ปั่นจนละเอียด
2. กรองผ่านผ้าขาวหรือกระชอน
3. ได้น้ำข้าวกล้องที่พร้อมดื่มได้เลย อาจปรุงรสชาติเพิ่มโดยเติมเกลือ น้ำผึ้ง นมสด โอวัลตินเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสให้น่ากิน
4. หากทำเป็นเครื่องดื่มร้อน ก็นำไปตั้งไฟอ่อนๆ ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย น้ำใบเตย น้ำตาล นมสด หรือ เพิ่มน้ำผึ้งจะน่ากินมากยิ่งขึ้น
5. หากต้องการบรรจุขวดไว้กินได้หลายวัน ต้มฆ่าเชื้อที่ อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 10 นาที บรรจุขวดขณะร้อน เก็บแช่ตู้เย็นได้นาน 1 สัปดาห์
6. หากต้องการเพิ่มคุณประโยชน์มากขึ้น อาจนำธัญพืชอื่นมาปั่นรวมลงไปด้วย ได้แก่ งา ลูกเดือย ถั่วเหลือง ฯลฯ เพิ่มสีสัน ให้น่ากินด้วย ใบเตย โกโก้ หรือ โอวัลติน
หวังว่าคงเป็นประโยชน์ต่อทุกท่านลองทำกินกันเองที่บ้านได้นะครับ

17 March, 2009

สูตร การลดอาหารเพื่อล้างพิษ



สูตร การลดอาหารเพื่อล้างพิษ สิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวเราทุกวันนี้ มีสารพิษต่างๆมากมาย นับวันก็มีแต่จะเพิ่มมากขึ้น การล้างพิษเป็นการดูแลร่างกาย ซ่อมแซมร่างกายที่ได้รับพิษต่างๆมากมายในชีวิตประจำวันเนื่องมาจากการใช้ชีวิต อันเกิดจากมลภาวะ หลายๆอย่างที่เรารับเข้าไปในแต่ละวัน ทั้งที่เราตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ มาดูกันว่าเรา รับพิษต่างๆเข้าไปได้อย่างไร
1. อาหารที่เรากินเข้าไปทุกวัน ปนเปื้อนจากสารเคมี ยาฆ่าแมลง สารกันบูด สารแต่งกลิ่น แต่งสี แต่งรส ทำให้อาหารดูดีน่ากิน โดยที่เราไม่รู้ว่ามีสารเหล่านี้เจือปนอยู่
2. อาหารขยะ ได้แก่อาหารที่วัยรุ่นสมัยนี้นิยมกินกัน ทั้งพิซซ่า ฟาสซ์ฟูดส์ ขนมขบเคี้ยวที่มีแต่แป้งและน้ำตาลไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
3. อาหารที่ถูกปิ้งย่างจนเกรียม หรืออาหารที่ผ่านการทอดโดยใช้น้ำมันเก่าซ้ำหลายๆครั้ง
4. การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ชา กาแฟ
5. หายใจเอาควันพิษต่างเข้าไป
6. ดื่มน้ำที่ ปนเปื้อน สารพิษ หรือน้ำไม่สะอาด
7. อาหาร ที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน หรืออาจปรุงไม่สุก
8. อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือเกลือ อยู่มากเกินไปที่ร่างกายจะขับออกได้
เมื่อร่างกายเรารับสารพิษเข้าไปสะสมมากขึ้นทุกวัน ทำให้เกิดอาการป่วยต่างๆตามมาในภายหลัง
อาการต่างๆที่พอสังเกตุได้ดังนี้

1. ผิวพรรณมีปัญหา สิวฝ้าเกิดง่ายหายยาก ผิวพรรณหมองคล้ำ หยาบกร้าน
2. ภูมิต้านทานต่ำลง ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย
3. มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร และลำไส้
4. ดูแก่กว่าวัย เซลล์เสื่อมเร็ว
5. แน่นท้องจุกเสียดบ่อย หรือท้องเสียง่าย
7. เป็นโรคท้องผูก ขับถ่ายไม่เป็นปกติ
8. ปัสสาวะ ไม่ใส ไตอาจมีปัญหาได้
9. ประสาทไม่ผ่อนคลายหลับยาก
10. มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือเป็นโรคภูมิแพ้ง่าย
11. สมองไม่แจ่มใส ความจำไม่ดี
12. ปวดศรีษะบ่อย หรืออาจเป็นไมเกรน
13. เป็นโรคเกี่ยวกับความดันโรหิตสูง
ฯลฯ
อาการต่างเหล่านี้เป็นข้อบ่งชี้ว่าสุขภาพเรา กำลังไม่ดีเนื่องจากได้รับสารพิษ ร่างกายภายนอกเราสามารถทำความสะอาดได้ง่าย โดย การอาบน้ำ สระผม แปรงฟันได้ แต่ภายในร่างกายเราจะทำอย่างไร ถึงแม้ว่าร่างกายเราสามารถขับพิษต่างๆได้เองตามธรรมชาติ แต่เรารับสารพิษต่างๆเข้าไปทุกวัน ทำให้ร่างกายไม่สามารถกำจัด สารพิษออกมาได้ทัน เกิดการตกค้างและทำร้ายร่างกายเราในที่สุด
การล้างพิษนั้นมีหลายวิธี เช่น การสวนทวาร การอดอาหารเพื่อล้างพิษ การกินเพื่อล้างพิษ ระยะเวลาในการล้างพิษ ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว แต่เพราะต้องอาศัยระยะเวลาพอสมควร การจัดตารางให้ตัวเอง ในแต่ละปีจึงควรหาเวลาที่ไม่ยุ่งยากจากงานเพื่อจะได้ทำให้ต่อเนื่อง และเกิดผลดีที่สุดแก่ตัวเอง

วันนี้มีสูตร การล้างพิษที่สามารถทำได้ด้วยตัวเองมาให้ปฏิบัติกันในระยะเวลา 1 ปี

1. สูตรล้างพิษทุกเดือน โปรแกรม 3-4วัน
โดยมีให้เลือกดังนี้
1.1 อด 1 วัน กินแต่ผัก ผลไม้ อีก 2วัน
1.2 อด 2 วัน กินแต่ผักผลไม้ 2 วัน
1.3 อด 1 วันทุกสัปดาห์
1.4 กินแต่ผักผลไม้ 2 วันทุกสัปดาห์

2. สูตรล้างพิษ ทุก 2-3 เดือน โปรแกรม 5-7 วัน
2.1 อด 2 วัน กินผัก ผลไม้ 3วัน
2.2 อด 3 วัน กินผัก ผลไม้ 4 วัน
2.3 อด 1 วัน กินผัก ผลไม้ 6 วัน

3. ล้างพิษทุก 5 เดือน โปรแกรม 3 วัน หรือ 10 วัน โดยทำครั้งแรก ฤดูร้อน เมษา ครั้งถัดไปเดือน กันยา โดยเลือกระหว่าง
3.1 อด 3 วัน
3.2 อด 2 วัน กินผัก ผลไม้ 8 วัน

4. ล้างพิษทุก 6 เดือน หรือ 2ครั้ง/ปี โปรแกรม 3 วัน หรือ 14 วัน โดยเลือก ระหว่าง
4.1 อด 3 วัน
4.2 อด 2 วัน กินผักผลไม้ 12 วัน

5. ล้างพิษปีละครั้ง โปรแกรม 3 วัน หรือ 21 วัน เลือก ฤดู ร้อน เดือน มีนา-เมษา โดยเลือกระหว่าง
5.1 อด 7 วัน
5.2 อด 3 วัน กินผักผลไม้ 18 วัน

ก็ทดลองทำกันดูได้ เพื่อสุขภาพที่ดีของท่านเอง ยอมสละเวลาสักนิด เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น