24 December, 2010

มารู้จักกับสบู่กันดีกว่า

สบู่

คำว่าสบู่ คนทั่วไปหมายถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาด สบู่เกิดขึ้นนานกว่า 2000 ปีก่อนคริสตศักราช แต่ไม่ใช้สบู่ที่มีรูปร่างเหมือนเช่นปัจจุบัน การทำสบู่เป็นอุตสาหกรรมเก่าแก่ที่สุดของโลก ประเภทหนึ่งโรงงานผลิตสบู่เกิดขึ้นก่อนในยุโรป การทำสบู่เป็นทั้งวิทยาศาสตร์และศิลปะ และมีการพัฒนาก้าวหน้าขึ้นมาก จปัจจุบันมีรูปแบบและสภาพแตกต่างไปจากเดิมที่เป็นเพียงก้อนสบู่ เมื่อพูดถึงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว คนเรามักนึกถึง สบู่มารู้จักสบู่กันสักนิดหนึ่ง

การแบ่งประเภทของสบู่
1.สบู่ก้อนขุ่น
สบู่ประเภทนี้มีลักษณะเป็นก้อนและมีลักษณะขุ่น
ภาษาอังกฤษจึงเรียกกันว่า opaque soap
สบู่ประเภทนี้ก็เป็นสบู่ที่เรารู้จักกันดีเเละใช้กันเป็นประจำสบู่ก้อนขุ่นทั่วไปมีสารเพิ่มความชุ่มชื้นเป็นส่วนผสมอยู่ไม่มากนักแม้ว่าสบู่กอนขุ่นทำความสะอาดผิวได้ดี
แต่อาจทำลายน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติและไขมันที่จำเป็นได้
คนที่มีสภาพผิดธรรมดาหรือผิวมันสามารถผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงมาทดแทนได้
เมื่อใช้สบู่ประเภทนี้จึงไม่เกิดผิวแห้งตึง แต่คนที่มีผิวแห้ง การสร้างน้ำมันหล่อเลี้ยงทดแทนทำได้ช้าเเละอาจช้ากว่าการทำความสะอาดผิวครั้งต่อไปการใช้สบู่ประเภทนี้จึงอาจทำให้ผิวแห้งตึง และระคายเคีองได้

2.สบู่ก้อนใส
สบู่ประเภทนี้ยังคงมีลักษณะเป็นก้อน แต่ต่างจากสบู่ก้อนขุ่นตรงที่มีความใส
ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Tranparent soap
สบู่ก้อนใส มีปริมาณของสารเพิ่มความชุ่มชื้นบำรุงผิวมากกว่าสบู่ก้อนขุ่น
การใช้สบู่ประเภทนี้จึงช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้านได้มากกว่าการใช้สบู่ก้อนขุ่น
แต่ข้อเสีย คือ มีปริมาณฟองน้อยกว่า แถมละลายหมดเร็วกว่าสบู่ก้อนขุ่นด้วย
คุณที่คิดว่าสบู่ที่ดีต้องมีฟองมาก คงไม่ค่อยชอบใช้สบู่ใสนัก ทั้ง ๆ ที่สบู่ใสใช้ดีกว่า

3.สบู่เหลว
อธิบายง่าย ๆ สบู่เหลว เป็น สบู่ที่เป็นของเหลว ไม่เห็นลักษณะเป็นก้อน
ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Liquid soap บางคนก็ชอบใช้ทำความสะอาดร่างกายด้วย
สบู่เหลวนี้ คือ ที่มาของแชมพูสระผมที่เราใช้กัน



การเลือกใช้สบู่
-เลือกใช้สบู่ที่มีฤทธิ์เป็นด่างอ่อน เพื่อช่วยรักษาสภาพผิวให้เป็นธรรมชาติของกรดอ่อนไว้
-อย่าใช้สบู่ฤทธิ์แรงที่ทำความสะอาดสิ่งสกปรกให้หลุดออกมาใช้กับผิวกาย เพราะไม่เพียงสิ่งสกปรกจะหลุดออกเท่านั้น ผิวหนังอ่อนๆ ก็จะหลุดออกมาด้วย
-ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเพิ่มความชุ่มชื่น จะช่วยจะทำความสะอาดผิวพรรณให้เป็น ต้องรู้จักผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวด้วย

17 December, 2010

วิธีสระผม กับเคล็ดลับดีๆ

ปกติเราควรจะสระผม 2-3 วันต่อครั้ง ถ้าไม่สกปรกสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
แต่ถ้าเราชอบออกกำลังกาย หรือทำสวน ทำงานบ้าน ต้องเจอเหงี่อออกเต็มศีรษะ หรือไปงานเลี้ยงที่ผมต้องเจอควัน บุหรีทั้งคืน ควรสระผมหลังจากกิจกรรมสำหรับคนที่ชอบสระผมทุกวันหรือวันเว้นวันควรใช้แชมพู อ่อนๆ หรือใช้แชมพูของเด็กก็ได้ คนที่มีผมแห้งเสียง่ายก็เช่นกัน การเลือกใช้แชมพู ควรดูค่า PH ต่ำจะมีประโยชน์ต่อ เส้นผมมากที่สุด จากนั้นคอยใช้ครีมบำรุงเข้มข้นหมักผมเพียงสัปดาห์ละครั้ง ก็จะฟื้นฟูสภาพผมได้ดี

ความจริงแล้วแชมพูที่เราใช้กันอยู่นั้น ค่อนข้างจะมีความเข้มข้นมาก หากตกค้างอยู่ทุกครั้งหลังการสระก็จะ
ทำให้ผมเสียได้ง่ายๆ เคล็ดลับดีๆคือ ให้เจือจางแชมพู ด้วยการแบ่งใส่ขวดเปล่าอีกขวดหนึ่ง แล้วผสมน้ำเปล่าครึ่งต่อครึ่ง ก็จะได้แชมพูไว้ใช้ตลอดทั้งเดือน นี่ไม่ใช่เคล็ดประหยัด แต่เป็นเคล็ดดีๆ เพื่อการสระผมมิได้ประโยชน์ต่อสภาพผมอย่างแท้จริง และควรเทแชมพูใส่มือดีกว่าเทใส่ศีรษะโดยตรง

-เส้นผมมันไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดบ่อยนัก
-ส่วนผมแห้งเสียก็ควรใช้ครีมนวดลูบแค่ช่วงปลายผม ไม่ใช่ละเลงจนชุ่มศีรษะ
-สวนเส้นผมธรรมดาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ครีมนวดทุกๆ ครั้ง ในการสระผมเพราะจะทำให้หนังศีรษะเกิด
ปัญหาได้เช่นกัน

ถ้าอยากบำรุงเส้นผมให้นุ่มลึ่น ก็ใช้วิธีการหมักผมด้วยผลไม้ ตามวิธีธรรมชาติของสูตรต่างๆ ที่แนะนำตามหนังสือ หรือเวบไซต์จะดีกว่า

เคล็ดลับการถนอมเส้นผม
เราต้องไม่แปรงผมขณะผมเปียก เพราะเส้นผมเปียกจะอ่อนแอและขาดง่าย ควรจับผมและเป่าผมให้แห้งก่อนการแปรงผมไม่จำเป็นต้องเป่าไดร์ผมทุกๆ ครั้งหลังสระ ใช้ผ้าขนหนูเช็ดให้ผมหมาดๆ แล้วปล่อยให้ผมแจ้งตามธรรมชาติจะ ดีกว่า

การเลือกใช้แชมพูที่เหมาะกับสภาพเส้นผม ถ้าผมมัน ผมแห้ง หรือมีสภาพผมธรรมดาก็ควรเลือกใช้แชมพูตามสภาพของตน

การหวีผม
การแปรงผมโดยใช้แปรงนวดศีรษะด้วยเป็นวิธีที่ดี เพราะแปรงจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตทั้งศีรษะ เป็นการช่วยบำรุงเลี้ยงเส้นผมแต่อย่าแปรงแรงเกินไป และไม่ต้องแปรงถึง 100 ครั้ง ซึ่งจะทำให้ผมขาดร่วงง่ายด้วยช้ำ

ถ้าจะเป่าผมควรก้มศีรษะลงแล้วเป่าผมห่างๆ ให้แห้ง ควรใช้แปรงซี่ห่างหรือหวีชี่ใหญ่ๆ สักหน่อย
ถ้าจะใช้แกนม้วนผมไฟฟ้าที่ม้วนผมเป็นลอนคลื่นสวย จะต้องรอให้ผมแห้งก่อนเสมอ มิเช่นนั้นผมจะเสียเร็วมาก การทำสีผมควรเลือกสีอ่อนกว่าผมจริง เพราะจะช่วยให้หน้าสว่างขึ้น

ควรเล็มปลายผมทุกๆ 4-6 สัปดาห์เพื่อป้องกันผมแตกและตัดเล็มทุก 2 เดือน เพราะรักษาสภาพผม
หลังการว่ายน้ำควรสระผมทุกครั้ง ถ้าไปเล่นน้ำทะเลหรือออกไปพักผ่อน ตากกาศหลายวันต้องบำรุงด้วยการหมักผม เพื่อป้องกันผมแห้งเสียจากการโดนแดดลม การเลือกใช้ยางรัดผม ควรเลือกใช้ที่รัดผมโดยเฉพาะจะดีกว่าใช้หนังยางรัดผม เพราะเพราะหนังยางจะทำให้เส้นผมขาดหลุดร่วงง่าย

สำหรับการดัดหรือทำสีผมใหม่ ควรเว้นสัก 2-3 เดือนแล้วทำอีกครั้งจะดีกว่าการทำสีผมบ่อยๆเพื่อให้ผมได้พักตัวเสียบ้าง เทคนิคการดูแลผมง่ายๆเหล่านี้ เราสามารถนำไปใช้ได้ง่าย


ขอบคุณภาพจาก thaidbmarket.com

08 December, 2010

5.วิธีดูแลผิวให้สดใสไปนานๆ

ใบหน้าอ่อนวัย

การปล่อยปละละเลยให้ผิวชำรุดทรุดโทรมจนดูร่วงโรยก่อนวัยแม้เครื่องสำอางชั้นดีแค่ไหนก็ยากที่จะเรียกความสดใสกลับคืนมาได นอกเสียจะช่วยไม่ให้คุณมีริ้วรอยมากไปกว่านี้ผู้เฮ่ยวชาญด้านผิวพรรณส่วนใหญู่แนะนำว่าการดูแลผิว ต้องใส่ใจกันตั้งแต่วัยสาวๆ นี่แหล่ะ ยิ่งเริ่มเร็วเมื่อไหร่ ก็จะยิ่งยืดความเสื่อมของเซลล์ได้มากขึ้นลองมาดูเทคนิค 5.วิธีดูแลผิวให้สดใสไปนานๆ

1.ทาครีมกันแดต
ผู้รู้เขาบอกว่า 80 % ของการเสื่อมของผิวหนังเกิดจากแสงแดดรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดด เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น เนื่องจากจะทำลายเส้นใยคอลลาเจน และอีลาสติคทำให้ผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นได้ แต่อยู่เมืองไทยจะเลี่ยงไม่ให้โดนแดดกันเลย ก็เห็นจะยาก จึงควรทาครีมปกป้องใบหน้าและลำคอเป็นประจำทุกวัน ครีมกันแดดที่ใช้ควรมีค่า SPF 15 ขึ้นไป ส่วนการขับรถในที่แดดจ้า โดยไม่สวมแว่นกันแดด ทำให้คุณต้องหยีตากันตลอดเวลาก็ทำให้รอยตีนกามาเยือนได้ง่ายๆ รวมทั้งการทำหน้านิ่วคิ้วยุ่งๆอยู่บ่อยๆก็เป็นที่มาของริ้วรอยทั้งสิ้น

2.ท่านอนทำให้เกิดริ้วรอย
ผู้เชียวชาญ ด้านผิวพรรณบอกว่า ในช่วง 6-8 ชั่วโมง ของการนอนในแต่ละวัน มีผลทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าได้ โดยเฉพาะคนที่ชอบนอนซุกหน้ากับหมอนจะทำให้ใบหน้าด้านที่ตะแคงเข้าหาหมอน เกิดริ้วรอยมากกกว่าอีกด้าน ยิ่งพวกที่ชอบเอามือก่ายหน้าผากก็ยิ่งทำให้เกิดริ้วรอยได้มากขึ้น ซึ่งอาจหลีกเลี่ยงได้โดยเปลี่ยนมานอนหงายแทนหรือเลือกใช้หมอนที่อ่อนนุ่ม และใช้ปลอกหมอน เนื้อผ้าลื่นๆ อย่างผ้าซาตินจะจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

3.กินอาหารตี
อาหารที่ดีมีประโยชน์ และครบหมวดหมู่จะช่วยให้ผิวพรรณสดใสได้ โดยเฉพาะวิตามินเอและอี ซึ่งมีสารแอนตี้ออกตี้แดนท์ ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิว และอย่าลืมดื่มน้ำมากๆ วันละ 6-8 แก้ว ส่วนบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นตัวการสำคัญที่บ่อนทำลายผิวหนังให้เสื่อมก่อนวัย อันควร

4.อดนอน ริ้วรอยมาเยือน
การพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากทำให้สุขภาพทรุดโทรมแล้วใบหน้าก็ดูหมองคล้ำ อิดโรย และถ้าคุณอดนอนบ่อย ๆ จะทำให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัย

5.รู้จักผ่อนคลาย
ความเครียดที่ไม่มีโอกาสผ่อนคลาย เปิดโอกาสให้สิวจู่โจมได้ง่ายๆถ้าไม่อยากให้เกิดสิว พลอยทำให้ใบหน้าไม่สดใส ควรหาวิธีผ่อนคลายความเครียด การทำจิตใจให้สงบโดยการทำสมาธิการฟังเพลงสบายๆ ชื่นชมกับธรรมชาติรอบตัวให้เวลากับสุนัขของคุณก็ช่วยคลายเครียดได้

เพียง 5 ขั้นตอนเท่านี้ คงไม่ยากเกินความสามารถของคุณใช่ไหม? เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ แล้วคุณจะได้เป็นผู้ครอบครองผิวสวยสมใจไปอีกนาน

thank image from designlessbetter.com

25 November, 2010

เคล็ดลับผมสวย

ผมสวย
คนเรานั้นหากมีสุขภาพผมที่ดีเงางามแล้วจะเป็นที่อิจฉาและช่วยเสริมบุคลิกภาพให้เราได้ด้วย การดูแลเส้นผมต้องรู้วิธีเป้นอย่างดี วันนี้มีเคล็ดลีบผมสวย มาฝากให้ลองนำไปใช้กัน


-ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ทรีตเมนต์ ที่ผลิตแบบออร์แกนิกซึ่งใช้วัตถุดิบและกรรมวิธีจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีให้มากที่สุด เพื่อปกป้องและบำรุงผมให้สุขภาพแข็งแรง สวยงามแบบยั่งยืน

-เลือกผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมจากส่วนประกอบจมูกข้าว, โจโจ้บา, น้ำมัน-มะพร้าว, เคราติน, วิตามินไบโอติน, แพนทีนอล, วิตามินเอ, อี และน้ำมันสกัดจากธัญพืช จะช่วยบำรุงรากผม ป้องกันการหลุดร่วง

-ระหว่างสระผม ควรใช้ปลายนิ้วนวดเบาๆ ให้ทั่วศีรษะอย่างน้อย 5 นาที หลังล้างออก นวดด้วยครีมนวดอีก 5 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเส้นเลือดบริเวณรากผม

-ควรปล่อยให้ผมแห้งตามธรรมชาติ หรือใช้พัดลมช่วยเป่าให้แห้ง หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด ทั้งเครื่องเป่าผม แกนดัดลอน หรือที่หนีบผม

-รักษาความสมดุลของรูปร่าง และหากคุณกำลังอยู่ในช่วงจำกัดแคลอรี ก็ควรรับประทานอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่ ตามความต้องการที่จำเป็นของร่างกาย เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุดต่อความสวยงามของเส้นผมมากกว่าการทำทรีตเมนต์ หรือใช้เซรั่มบำรุง

-ควรสระผมและนวดระหว่างลงแชมพู ครีมนวดทุกวัน หรืออย่างน้อยวันเว้นวัน เพื่อกระตุ้นระบบสมดุลของหนังศีรษะ และช่วยเสริมการสร้างน้ำมันหล่อเลี้ยงผมตามกระบวนการธรรมชาติ

-เลือกแชมพูที่มีค่าพีเอชเป็นกลาง หลังสระควรล้างด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง หรือน้ำเย็นเล็กน้อยเพื่อความเงางาม อย่าใช้น้ำร้อนเด็ดขาด เพราะจะทำให้เส้นผมอ่อนแอ

-ไม่ควรแปรงผมขณะที่เปียกโชก ควรรอให้หมาดและใช้แปรงที่มีซี่ห่างเพื่อหลีกเลี่ยงการดึงเส้นผมให้ยืดออก ซึ่งทำร้ายเส้นผม

-กำจัดรังแคด้วยการใช้น้ำมันโจโจ้บาผสมน้ำมันโรสแมรี่สกัด 1-2 หยด หรือน้ำมันสกัดจากชา นวดศีรษะ 15 นาที แล้วล้างออก วิธีนี้จะช่วยบำรุงเส้นผม หากทำเป็นประจำทุกสัปดาห์

-ฟื้นฟูผมแห้งเสียด้วยการใช้น้ำผลไม้สกัด Apple Cider ผสมน้ำในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง นวดเส้นผม และล้างออก จากนั้นค่อยตามด้วยครีมบำรุงผมเนื้อเข้มข้นสูตรธรรมชาติ ทำเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ เส้นผมจะค่อยๆ กลับมีชีวิตชีวา และเงางาม

-เพื่อเส้นผมที่เงางาม ควรแปรงด้วยหวีจุ่มน้ำมันสกัดคาโมมายล์ หรือน้ำมันสกัดจากเลมอน ผสมน้ำมันโจโจ้บาในอัตราส่วนหนึ่งต่อหนึ่ง และปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติทุกวัน อย่าใช้น้ำมันต่างๆ กับเส้นผมโดยไม่ได้ผสมโจโจ้บาเด็ดขาด เพราะความเข้มข้นจะทำร้ายเส้นผมให้เสียสวย

-ถ้าไม่มีเวลา แต่ต้องการให้เส้นผมดูเงางาม ให้ใช้น้ำมะนาว 1 ผล ผสมน้ำอุ่น 1 ลิตร ล้างศีรษะหลังนวดผม แล้วปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ เส้นผมจะเงางามทันใจ

-ผมลีบแบน ควรหลีกเลี่ยงการใช้หวีจากวัสดุพลาสติก เพราะไฟฟ้าสถิตจะยิ่งทำให้เส้นผมแย่ลง และไม่ควรใช้ที่คาดผม ยางรัด หรือเครื่องประดับที่รัดกระชับเส้นผม วิธีที่ดีคือการใช้แปรงจากไม้ หรือกระดูกสัตว์ซี่ห่าง หวีแต่งทรง และปล่อยผมตามธรรมชาติ เพื่อให้ผิวผมได้หายใจ



ขอบคุณที่มา:http://www.kdeze.tongzz.net/

30 October, 2010

การแต่งหน้า เพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง



วันนี้มีเทคนิคการแต่งหน้า มาฝากสาวๆครับเป็นเทคนิค การแต่งหน้าเพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง ต่างๆของใบหน้า

การแก้ไขรูปหน้าที่บกพร่องไม่ใช่เรื่องยากสำหรับสาว ๆ เพียงรู้เทคนิคแต่งหน้าดี ๆ ก็สวยได้โดยไม่พึ่งต้องศัลยกรรม

ใต้ตาดูหมองคล้ำไม่สดใส ลองใช้ไฮไลท์ผสมประกายมุก เกลี่ยบริเวณรอบดวงตา
ริมฝีปากบางควรใช้ลิปลายเนอร์เขียนเพิ่มขนาดรูปปาก ก่อนลงลิปสติกสีเดียวกันให้ทั่ว
สาวแก้มเยอะ ใช้เฉดดิ้งสีน้ำตาลปัดไล้ใต้แนวโหนกแก้มและแนวกราม เพื่อให้ใบหน้าได้xxxส่วนขึ้น
สุดท้ายปัดไฮไลท์สีสว่างที่หน้าผาก สันจมูก ปลายคาง และโหนกแก้ม ซึ่งถือเป็นจุดรับแสง จะช่วยให้หน้าดูสว่างสดใสขึ้น

จมูก

จมูกแบน

แตะคอนซีลเลอร์สีเข้มกว่าผิวจริงบริเวณร่องจมูก (ระหว่างปีกจมูกและสันจมูก) ไล่ขึ้นไปจนถึงช่วงกลางจมูก จากนั้นใช้ไฮไลท์สีสว่างไล้จากปลายจมูกขึ้นไปเพื่อให้เห็นสันจมูกชัดขึ้น วิธีนี้จะทำให้จมูกดูโด่งอย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าการใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลไล้บริเวณข้างสันจมูก

จมูกโด่งเป็นสันเกินไป

จมูกโด่งเกินไปใช่ว่าจะดี เพราะจะทำให้หน้าดูแข็ง ลองแตะคอนซีลเลอร์สีอ่อนบริเวณด้านข้างจมูกไล่ลงมาจนถึงปีกจมูก จากนั้นปัดแป้งสีเข้มกว่ารองพื้น 1 เบอร์ที่สันจมูกเบาๆ

จมูกใหญ่หรือปีกจมูกใหญ่

แตะคอนซีลเลอร์สีเข้มกว่ารองพื้น 1 – 2 เบอร์ ที่ข้างสันจมูกทั้งสองข้างเล็กน้อย สีเข้มของคอนซีลเลอร์จะช่วยให้จมูกดูเล็กลง อาจปัดไฮไลท์ที่สันจมูกช่วยให้จมูกดูสมส่วนยิ่งขึ้น

แก้ม

แก้มเยอะ

เริ่มจากหาตำแหน่งโหนกแก้มโดยการยิ้ม แล้วปัดบลัชออนบริเวณจุดสูงสุดของโหนกแก้มไล่เฉียงขึ้นไปถึงแนวขมับ แล้วปัดเฉดดิ้งจากข้างใบหูไล่มาตามแนวใต้กระดูกแก้ม เพื่อให้หน้าแลดูตอบลง

**Tip จริงๆไม่ควรใช้บลัชออนที่มีความแวววาว เพราะจะทำให้เนื้อแก้มดูมากขึ้น แต่เทรนด์ช่วงนี้เหมาะกับแก้มฉ่ำๆ ดังนั้นแนะนำให้ปัดบลัชออนตามสูตร แล้วเติมบลัชออนเนื้อวาวเฉพาะโหนกแก้มด้านบนเล็กน้อยก็พอ

แก้มตอบ

บลัชออนเนื้อครีมหรือแบบผสมกลิตเตอร์เหมาะกับสาวแก้มตอบที่สุด เพราะความแวววาวจะทำให้แก้มดูมีเนื้อขึ้นเวลาโดนแสง ปัดเป็นวงกลมโดยเน้นให้สีเข้มที่สุดบริเวณโหนกแก้ม แล้วค่อยๆเกลี่ยสีให้กระจายออกไปยังไรผม

ตา

ตาเล็ก

ไล้อายแชโดว์สีอ่อนให้ทั่วเปลือกตา แล้วใช้อายแชโดว์สีเข้มสร้างมิติให้ดวงตา โดยเริ่มเกลี่ยสีจากหางตาไล่ตามแนวกระบอกตา ให้น้ำหนักสีเข้มบริเวณสุดอยู่ที่ปลายหางตา ไล้ให้สีอ่อนลงเรื่อยๆจนถึงหัวตา

สุดท้ายปัดไฮไลท์ที่หัวตาและโหนกคิ้ว แล้วเพิ่มความคมเข้มด้วยการเขียนอายไลเนอร์เส้นหนาที่ขอบตาบน หรือถ้าอยากตามเทรนด์ญี่ปุ่นจะเขียนขอบตาล่างด้วยก็ได้

นอกจากการดัดขนตาแล้ว มาสคาราก็ช่วยสาวหมวยได้เยอะ โดยเฉพาะการปัดขนตาล่าง

**Tip สำหรับสาวตาชั้นเดียวหรือชั้นตาหลบ การติดขนตาปลอมจะช่วยให้เห็นชั้นตาชัดและดูตาโตขึ้นได้จนคุณเองยังแปลกใจ

ตาตก

สาวๆสามารถแต่งตาได้ตามปกติ แต่เพิ่มน้ำหนักสีช่วงหางตา ด้วยการไล้อายแชโดว์สีเข้มชิดขอบตาบนโดยเกลี่ยสีช่วงหางตาให้ฟุ้งขึ้น จากนั้นกรีดอายไลเนอร์บริเวณหางตาให้เป็นรูปตัววี แค่นี้ก็ช่วยได้เยอะแล้ว

ตาโปน

ตาลักษณะนี้สามารถแต่งแบบสโมกกี้อายส์ที่ฮิตๆกันได้สบาย เพราะอายแชโดว์สีเข้มจะทำให้ดวงตาดูเล็กลง อาจใช้แปรงขนาดเล็กแตะอายแชโดว์สีเข้มอย่างสีดำ น้ำตาล หรือน้ำเงิน ลงเพิ่มที่ขอบตาล่างโดยไล่จากหางตาเข้ามาถึงกึ่งกลางตา

ปาก

ริมผีปากบาง

ใช้ดินสอเขียนขอบปากสีเดียวกับลิปสติก เขียนให้ริมฝีปากใหญ่กว่าจริงเล็กน้อย แล้วค่อยลงลิปสติกเนื้อแวววาวก่อนเพิ่มความอวบอิ่มด้วยลิปกลอสอีกครั้ง

ริมฝีปากหนา

เพื่อให้ง่ายต่อการสร้างเส้นริมฝีปากใหม่ ควรลงรองพื้นทับริมฝีปากจนทั่วก่อน จากนั้นใช้ดินสอเขียนขอบปากวาดให้มีความหนาน้อยกว่าที่เป็นอยู่ จากนั้นเลือกใช้ลิปสติกสีเข้มลงให้ทั่วริมฝีปาก ควรระวังลิปสติกสีอ่อนหรือมีความวาว เพราะจะทำให้ริมฝีปากยิ่งดูหนาไปกันใหญ่

**Tip ระวังอย่าสร้างเส้นริมฝีปากใหม่ต่างจากเส้นจริงมากนัก ไม่อย่างนั้นจะดูไม่แนบเนียนจนคนอื่นจับได้

ทดลองแต่ตามที่บอกนะครับ เพื่อบุคลิกที่โดดเด่นชวนมองของคุณสุภาพสตรี



ขอบคุณที่มา:http://www.ladymodern.com/

15 October, 2010

ความเครียดกับการลดน้ำหนัก

คนที่พยายามลดน้ำหนักจะสามารถทำได้ดีขึ้นเมื่อไม่มีความเครียดหรือมีความเครียดน้อย
ทางการแพทย์พบว่า ความเครียดจะไปทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลินกับคอร์ติโซลจากต่อมหมวกไต ฮอร์โมนตัวแรกจะทำให้หัวใจเต้นเร็วและแรง ความดันเลือดพุ่งสูงขึ้น ส่วนฮอร์โมนตัวที่สองจะช่วยเสริมฤทธิ์ตัวแรกในการผลักดันให้ไขมันไปพอกพูนอยู่ที่ท้องมากขึ้น
คนปกติที่ทำงานเครียดมากๆ มักจะคลายเครียดด้วยการกินเป็นส่วนใหญ่ ทำให้มีไขมันมากกว่าปกติอยู่แล้ว เมื่อประกอบกับฤทธิ์ของฮอร์โมนทั้งสองจึงทำให้พุงโตขึ้นได้ง่าย
บางคนเครียดมากก็หันไปยึดเหล้ายาเป็นสรณะ การลดความเครียดด้วยการดื่มเหล้า เบียร์ และสูบบุหรี่ ยิ่งทำให้เป็นอันตรายมากขึ้น บางคนยิ่งเครียดก็ยิ่งกิน ยิ่งกินก็ยิ่งอ้วน
ยิ่งอ้วนก็ยิ่งเครียด เป็นวัฎจักรไปเรื่อยๆ

14 October, 2010

วิธีทาครีมบำรุงผิว

สาวๆ กับความสวยต้องเป็นสิ่งที่คู่กันอยู่แล้ว คุณสาวๆ ทั้งหลายต่างสรรหาวิธี บำรุงผิวพรรณ ให้เปล่งปลั่งสดใสและให้ดูดีกันตลอดเวลา โดยเฉพาะเครื่องประทินผิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ครีมบำรุง โลชั่น มอยเจอร์ไรเซอร์ แต่ทราบไหมค่ะ ว่าแค่การทา ครีมบำรุง ผิวพรรณ ก็ต้องมีการใช้และทาอย่างถูกวิธีด้วยค่ะ จึงจะทำให้การบำรุงผิวเกิดประสิทธิภาพ เรามาดู วิธีทาครีมบำรุงผิว อย่างถูกวิธีกันเลยดีกว่า

1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด แล้วเลือกปริมาณ ครีม ที่ต้องใช้ให้เหมาะตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญด้านความงาม เพราะถ้าน้อยเกินไป ก็จะไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควรหรือถ้ามากเกินไป ก็จะทำให้ผิวหน้ามันเกินไป และก็เปลืองโดยใช่เหตุอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะประมาณ 1 ข้อนิ้ว เริ่มแต้มครีมที่บริเวณ 5 จุด ของใบหน้าเลยค่ะ คือ หน้าผาก จมูก แก้มทั้งสองข้าง และคางตามลำดับ นิ้วกลางและนิ้วนาง ในการเกลี่ยบริเวณที่กว้างที่สุดก่อน เช่น โหนกแก้ม โดยเริ่มจากส่วนกลางไปยังส่วนข้างๆ แล้วตามด้วยแนวสันจมูก ใต้โพรงจมูก คาง และหน้าผาก โดยเว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ เพราะอาจจะต้องใช้ ครีม ชนิดเฉพาะรอบดวงตาแทน

2.การลงน้ำหนักนิ้ว ควรจะเบาที่สุดเท่าที่ทำได้ค่ะ เพราะผิวหน้าเป็นผิวที่บอบบาง ควรได้รับการทะนุถนอม ถ้าลงน้ำหนักแรงเกินไป อาจจะทำให้เกิดรอยย่นในภายหลังได้

3.การทา ครีม รอบดวงตา ควรใช้ปริมาณ เนื้อครีม ประมาณ 1 เมล็ดถั่วเขียว แล้วใช้นิ้วนางเพียงนิ้วเดียวในการทา เพราะจะน้ำหนักกดเบาที่สุด แล้วทา ครีม ไล่ตามแนวโครงกระดูกเบ้าตา อาจจะเริ่มที่หัวตาหรือหางตาก่อนก็ได้ แล้ววน ครีม รอบๆ ดวงตา จะวนเข้าหรือวนออกก็ได้ตามถนัด แต่ต้องวนไปในทิศทางเดียวกันทั้งสองข้าง

4.การทาครีมบริเวณลำคอ ควรใช้ปริมาณ เนื้อครีม เท่ากับที่ใบหน้าประมาณ 1 ข้อมือโดยเริ่มจากบริเวณที่กว้างที่สุดของลำคอก่อน คือ บริเวณฐานลำคอแล้วใช้ปลายนิ้วทั้งหมดค่อยๆ ลูบไล้ขึ้น ไม่ควรทาลง เพราะจะทำให้ผิวบริเวณลำคอหย่อนยานไปตามแนวโน้มถ่วงของโลก ทำให้เกิดรอยย่นภายหลังได้การทาครีมบริเวณหน้าอก อาจจะใช้ ครีม ที่เหลือจากลำคอ ทาลูบในช่วงอกต่อไปได้ โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบาๆ และวนให้ทั่วแผ่นอก เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว แล้วค่อยไล่ทาไปที่หน้าท้องและส่วนหลัง

5.การทาครีมบริเวณแขนขาและเท้า จะใช้ ครีม ปริมาณมากเช่นกัน ประมาณ 2-3 ข้อนิ้ว โดยเริ่มต้นที่ต้นแขนก่อนแล้วก็ลูบไล้มาที่ท้องแขนจนทั่วบริเวณทำเหมือนกันทั้งสองข้างเลยค่ะ จากนั้นก็เรื่อยมาที่ต้นขา แล้วทาวนจากด้านต้นขาไปปลายขา โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เพียงเบาๆ เพื่อการซึมซับของเนื้อครีมสู่ผิว โดยควรจะเน้นบริเวณหน้าแข้งสองข้างให้มากเพราะบริเวณนี้จะแห้งกร้านได้ง่ายมาก ส่วนบริเวณเท้าควรทาทั้งสองด้าน คือ หลังเท้าและฝ่าเท้า พร้อมทำการนวดให้ทั่วอุ้งเท้าเพื่อเป็นการผ่อนคลายและเพิ่มการไหลเวียนโลหิตด้วย


ที่มา:http://www.doctorcosmetics.com/read_content.php?id=1708&pagetype=product

05 October, 2010

มังสวิรัติ

มังสวิรัติ
ความหมายของ "มังสวิรัติ" คือการงดเว้นเนื้อสัตว์ แต่บางคนแปลเจตนาต่างกัน บ้างก็ว่างดแค่เนื้อสัตว์ แต่บ้างก็งดรวมไปถึงผลิตภัณฑ์จากสัตว์ด้วย เช่น นม ไข่ และอาหารที่ทำจากไข่และนม ทำให้แยกประเภทการกินอาหารมังสวิรัติได้หลายแบบ ได้แก่
-แมคโครไบโอติก (Macrobiotic) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ เน้นอาหารที่สมดุล ที่หลายคนเรียกว่า หยิน-หยาง
-มังสวิรัตินม-ไข่ (Lacto-Ovo Vegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ แต่กินนม ผลิตภัณฑ์จากนมและไข่

-มังสวิรัติไข่ (Ovo Vegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ แต่รับประทานไข่
-มังสวิรัตินม (Lacto Vegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ แต่รับประทานนมและผลิตภัณฑ์จากนม
-มังสวิรัติแบบเจ (J-ChineseVegetarian) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ รวมทั้งพืชที่มีกลิ่นฉุน 5 ชนิด คือ หอม กระเทียม ขึ้นฉ่าย ใบยาสูบ และกระเทียมโทนหัวใหญ่ รวมไปถึงความเคร่งครัดในการปรุง ภาชนะต้องแยกต่างหาก และต้องรักษาศีล ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
-มังสวิรัติเคร่งครัดหรือบริสุทธิ์ (PureVegetarian) ไม่กินและไม่แตะต้องเนื้อ นม ไข่ และอาหารที่มีส่วนประกอบของไข่และนม
-มังสวิรัติพืชสด (Raw Food Eater / Raw Diet / Raw Energy / Living Food) งดเว้นผลิตภัณฑ์จากสัตว์และกินพืชผัก ผลไม้ที่สดดิบ ไม่ผ่านการหุงต้มใดๆ
-มังสวิรัติผลไม้ (Fruitarian) กินแต่ผลไม้ และถั่วหรือธัญพืช

ปัจจุบัน คนจำนวนไม่น้อยหันมากินอาหารมังสวิรัติกันมากขึ้น เพราะไม่อยากเสี่ยงบริโภคเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อวัวที่แถมโรควัวบ้า เนื้อหมูที่มีสารเร่งเนื้อแดง หรือเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่มาพร้อมกับสัตว์ปีก เป็นต้น (ลืมๆ ไปก่อนก็แล้วกันนะคะว่า บรรดาผัก ผลไม้ ก็อุดมไปด้วยยาฆ่าแมลงเหมือนกัน)

นอกจากนี้ โปรตีนปริมาณสูงและไขมันอิ่มตัวจากเนื้อสัตว์ ยังอาจทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ เช่น โรคหลอดเลือดตีบ เส้นเลือดหัวใจอุดตัน โรคความดันโลหิตสูง โรคมะเร็งลำไส้ ฯลฯ

ข้อดีของอาหารมังสวิรัติที่ส่วนใหญ่ปรุงจากผักและผลไม้ ก็คือเป็นอาหารที่มีกากใยสูง ย่อยง่าย ใช้พลังงานน้อย ขับถ่ายง่าย ไม่เกิดอาการท้องผูก ลดปริมาณคอเลสเตอรอล ที่สำคัญกากใยเหล่านี้มีอยู่เฉพาะในพืชผักและผลไม้เท่านั้น

เส้นใยที่มีในพืชผักและผลไม้ที่ช่วยป้องกันอาการป่วยไข้ เป็นต้นว่า "เพคติน" ซึ่งมีมากในกล้วย ส้ม องุ่น มัน แครอท ช่วยป้องกันโรคหัวใจและนิ่วในถุงน้ำดี "เซลลูโลส" ช่วยป้องกันอาการท้องผูก พบมากในมะละกอ มะขาม ผลไม้เปลือกแข็ง เมล็ดพืช "ลิกนิน" มีมากในข้าวกล้อง ถั่วงอก กะหล่ำปลี มะเขือเทศ ช่วยป้องกันโรคริดสีดวงทวาร นิ่วในถุงน้ำดี และเส้นเลือดขอด

นอกจากนี้วิตามินต่างๆ ที่ได้จากผักผลไม้ ยังช่วยลดการเป็นหวัดและอาการภูมิแพ้ได้ด้วย ว่ากันว่า วิตามินซีจากผักสดผลไม้สด มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งในกระเพาะอาหาร เนื่องจากวิตามินซีสามารถยับยั้งปฏิกิริยาการเกิดไนโตรซามีนส์ สารที่เป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหาร แต่เน้นว่าต้องสดจริงๆ นะคะ เพราะวิตามินซีสูญสลายได้ง่ายเหลือเกิน

ด้วยข้อดีทั้งหมดที่กล่าวมา (ซึ่งก็เป็นแค่บางส่วน) ทำให้หลายคนยอมกินอาหารมังสวิรัติ แม้ว่าหน้าตาจะยั่วยวนชวนน้ำลายน้อยกว่าอาหารจากเนื้อ นม ไข่ ก็ตาม

สำหรับนักมังสวิรัติมือใหม่บางคน แค่เริ่มต้นด้วยข้าวกล้องก็อาจจะท้อเอาได้ง่ายๆ เอาแค่หุงข้าวกล้องให้อร่อย ก็กลายเป็นเรื่องยากซะแล้ว หลายคนติว่าแข็ง ฝืดคอเกินไป

เทคนิคการหุงข้าวกล้อง ไม่ยากค่ะ ข้าวกล้อง 1 ส่วน ต่อน้ำ 2 ส่วน ยกเว้นถ้าเป็นข้าวกล้องใหม่ ใส่น้ำแค่ 1 1/2 ส่วน กลเม็ดเคล็ดลับอยู่ที่ ให้เอาข้าวกล้องไปแช่น้ำประมาณ 1/2 ถึง 1 ชั่วโมงก่อนจะนำมาหุง และไม่ควรจะซื้อข้าวกล้องมาเก็บไว้นานเกิน 10-15 วันนะคะ เพราะข้าวกล้องจะมีความชื้น มีกลิ่นหอม และมีสารอาหารมาก จึงเป็นแหล่งอาหารของมอดและแมลงต่างๆ มากกว่าข้าวขาว นี่เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าวกล้องถึงได้แพงกว่าข้าวขาว ทั้งๆ ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการขัดสี ...ก็เพราะว่ามันเก็บไว้ได้ไม่นานนี่เอง

แถมให้อีกนิดก่อนจากกันวันนี้ สำหรับคนที่อยากกินอาหารเพื่อสุขภาพ แต่เหม็นกลิ่นถั่วเหลือง ... ผลิตผลจากถั่วเหลือง ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้หรือโปรตีนเกษตร ถ้านำมาประกอบอาหารทันทีจะมีกลิ่นถั่วเหลือง ดังนั้น ก่อนปรุง ให้นำไปลวกน้ำร้อน หรือต้มกับน้ำร้อนให้เดือดจนฟองขึ้นเป็นสีขาว ยกลง และบีบน้ำออก ล้างด้วยน้ำเย็น แล้วบีบน้ำให้แห้งอีกที ก่อนจะนำไปปรุงอาหาร

04 October, 2010

เชื้อโรคที่พบในร้านเสริมสวย

เชื้อโรคที่พบในร้านเสริมสวย
เชื้อโรคที่พบในร้านเสริมสวย

จากการสำรวจความสะอาดในร้านเสริมสวย "โครงการสถานที่เสริมสวยหรือแต่งผมสะอาด ปลอดมลพิษเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี" โดยสำนักอนามัยกรุงเทพฯ เมื่อปี 2550 พบเชื้อราในหวีและแปรง 27.34 เปอร์เซ็นต์

ในรายงานเรื่อง "ระวัง! ร้านเสริมสวยทำป่วย" นิตยสาร "ชีวจิต" ฉบับ มี. ค. รศ.พ.ญ.วรัญญา บุญชัย ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลว่า เชื้อโรคที่พบในร้านเสริมสวยแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้

โรคเชื้อราผิวหนัง
เจอได้ในผ้าเช็ดผม เพราะหากซักแล้วไม่ได้ผึ่งแดดให้แห้งสนิทเพื่อฆ่าเชื้อโรค เชื้อราจะเจริญเติบโต อีกอย่างคืออุปกรณ์ทำเล็บ เช่น กรรไกรตัดเล็บ ตะไบเล็บ อาจติดมาจากคนที่มีเชื้อและฆ่าเชื้อโรคไม่หมด รวมทั้งพบได้บ่อยในผู้ที่ชอบทำเล็บหรือต่อเล็บ เพราะทำให้เล็บจริงไม่ได้รับอากาศ เวลาโดนน้ำจะชื้น หากเป็นหนักเล็บจะเสียและยุ่ย

โรคจากเชื้อไวรัส
เช่น โรคหูด เกิดจากอุปกรณ์ที่สัมผัสกับผิวหนังต่างๆ เช่น กรรไกรตัดเล็บ หวี และหินขัดเท้า

โรคจากเชื้อแบคทีเรีย
เกิดจากอุปกรณ์ทั่วไปในร้านเสริมสวยที่ทำความสะอาดไม่ดีพอและใช้ร่วมกัน จำพวกหวีและแปรงต่างๆ

โรคติดเชื้อจากปรสิต
เช่น ติดเหาจากอุปกรณ์ประเภทหวีและล่าสุด คือ อาจติดโลนขนตาจากกาวที่ใช้ติดขนตาปลอม เพราะช่างใช้กาวหลอดเดียวกันกับลูกค้าหลายคน

นอกจากโรคติดต่อทางผิวหนังแล้ว จากการศึกษายังพบโรคติดต่อทางเลือดอีกหลายชนิดในร้านเสริมสวย ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุและการไม่เปลี่ยนใบมีด

เชื้อโรคไวรัสอักเสบชนิดบีและซี
ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคตับอักเสบและมะเร็งตับ อุปกรณ์ที่เป็นพาหะคือมีดโกน กรรไกรตัดเล็บ และของมีคมต่างๆ ที่ใช้ในการเสริมความงาม

จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ Emory University School of Medicine สหรัฐ อเมริกา วิจัยพบว่าน้ำยาฆ่าเชื้อที่นิยมใช้กันในร้านเสริมสวยไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัส ตับอักเสบซีได้ ทางที่ดีควรเลือกร้านที่เปลี่ยนใบมีดจะดีที่สุด

นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสารเคมีที่ใช้ในร้านเสริมสวย ไม่ว่าจะเป็นยาย้อมผม ดัดผม ทำสี หรือสเปรย์

แล้วเราจะป้องกันอย่างไร?

คุณหมอวรัญญาแนะนำว่า ควรสังเกตว่า ร้านนั้นๆ มีระบบระบายอากาศที่ดีหรือไม่ เพื่อไม่ให้โดนละอองจากสารเคมีมากเกินไป และสังเกตความสะอาดของร้านและอุปกรณ์ที่ใช้ จะช่วยป้องกันเชื้อโรคเบื้องต้นได้ทางหนึ่ง


ที่มา:http://guru.sanook.com/pedia/topic/ระวัง_เชื้อโรคในร้านเสริมสวย/

02 October, 2010

เทคนิคคุมน้ำหนัก

วิธีการลดน้ำหนักง่ายมาก
การลดน้ำหนักแบบง่ายๆมีดังนี้
- ห้ามกิน แป้ง น้ำตาล และไขมัน ทุกชนิด ยกเว้นธัญพืช จากธรรมชาติ

- พยายามดูส่วนผสมของอาหาร ก่อนทานอาหาร เพื่อไม่ให้เรารับสารพิษ

- น้ำตาลคือยาเสพติดถูกกฎหมายชนิดร้ายแรง เช่นเดียวกับผงขาว เนื่องจากเมื่อเสพจะมีความสุข ทำให้มีเซ๊กซ์ได้ดี และมีแรงในการออกกำลังมาก แต่ข้อเสียคือ ทำให้กล้ามเนื้อฉีกขาด เกิดการบาดเจ็บภายในกล้ามเนื้อได้ง่าย เมื่อไม่เผาผลาญ จะเปลี่ยนเป็นไขมันย่อยยากทันทีภายใน 1 ชั่วโมง

- งดของทอดทุกชนิด งดข้าวขัดขาว แป้งสีขาว แล้วหันมาทานขนมปังโฮวีท นมที่ไม่มีน้ำตาล สันในไก่ อกไก่ อาหารควรต้ม หรืออบเท่านั้น ห้ามทอด เพราะการทอด น้ำมันช่วยในการทำให้อาหารไม่ติดกะทะเท่านั้น แต่ถ้าร่างกายได้รับเข้าไป คือสิ่งที่ไม่สามารถนำเอาออกมาได้

- อาหารเน้นกับ ทานผัก ผลไม้สด เช่น ฝรั่ง ส้ม แอปเปิ้ล กล้วยน้ำว้า ไม่ควรทานผักที่ต้ม หรือทอด

- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีผงชูรส เช่น ขนมถุง เพราะจะทำให้อยากอาหารและกินอาหารมากกว่าปกติ

- หลีกเลี่ยงคาเฟอีนทุกชนิด เพราะจะทำให้เราเสพน้ำตาลได้ง่าย ถึงจะทำให้มีความสุข แต่จะทำให้มีนิสัยอมนุษย์ได้ง่าย เช่น โกรธง่าย เกลียดคนง่าย นินทา ว่าร้ายผู้อื่น ริสยา อยากได้ของผู้อื่น

- หลีกเลี่ยงแอลกอฮอร์ เพราะจะทำให้ตัวบวมน้ำ และเมื่อทานน้ำตาลเข้าไปจะทำให้ไขมันแทรกตัวตามส่วนตัวๆ ที่ออกกำลังกาย เช่น พุง แก้ม น่อง เป็นต้น

- ทานอาหารทุกๆ 2 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 1 กำมือ เลิกทานอาหารมื้อหนัก เพื่อไม่ให้กระเพาะคราก สังเกตเวลาทานหมูกะทะ เมื่อทานมากๆ หลังจากเลิกทานได้ 1-2 ชั่วโมงก็จะหิวอีก เพราะกระเพาะเหมือนลูกโป่ง เมื่อพองใหญ่ มื้อต่อไปถ้าจะกินให้อิ่ม ให้กินเท่ากับมื้อก่อนถึงจะอิ่ม แต่ถ้าลดอาหาร เปลี่ยนจากมื้อใหญ่มาเป็นมื้อย่อย ทานเป็นระยะ ก็จะผอม เนื่องจากร่างกายเผาผลาญอาหารได้หมด

- อาหารมื้อสำคัญสุดคือมื้อก่อนนอนเพราะจะทำให้มีแรงในยามเช้า อย่าเชื่อที่จะงดอาหารเย็น หรือมื้อค่ำ เพราะผู้ที่ทำเช่นนี้จะอ้วนลงพุงทุกคน สาเหตุมาจาก ขณะที่เราหลับ 8 ชั่วโมง ร่างกายไม่มีอาหาร แม้แต่น้ำ เพราะถ้าร่างกายขาดอาหาร ก็จะเครียด ทำให้ตื่นเช้าไม่ไหว ไม่อยากลุก และการทานอาหารมื้อเช้าหนักเกินไป จะทำให้อ้วนหนัก เพราะมื้อเที่ยง บ่าย เย็น ก็ทานอีก

- การนอนไม่ควรนอนต่ำกว่า 6 ชั่วโมง และห้ามเกิน 8 ชั่วโมงเพราะจะทำให้ร่างการล้า เครียด และระบบภายในพัง

- พยายามนั่งถ่ายท้องทุกเช้า เพื่อสร้างสุขลักษณะที่ดี จะได้ไม่ทำให้ลำไส้ใหญ่เป็นที่ล้างท่อระบายน้ำ

- เลิกกินยาโรงพยาบาลทุกชนิด ที่ไม่ใช่สมุนไพร เนื่องจากมีสารตกค้างมาก เช่น พารา / ยาแก้อักเสบ หากจำเป็นควรเลิกใช้ก่อน 3 วัน ไม่เช่นนั้น จะติดยาเสพติดที่ใส่ในยานั้น เพราะยามีหน้าที่ระงับประสาท ไม่ได้เอาไว้รักษาให้หาย

- พยายามดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละ 2 ลิตรแนะนำนำน้ำขวดลิตรวางไว้ข้างคอมพิวเตอร์ จิบดื่มเป็นระยะ ทำให้สมองโล่ง ทำงานได้ดี

- สมการ การควบคุมน้ำหนัก = ควบคุมอาหาร 80% + ออกกำลังกายหนัก 20% การออกกำลังกายหนักหมายถึง การยกเวท หรือ วิ่งให้เหงื่อออก การซิตอัพ อยู่บ้าน ไม่ใช่การออกกำลังกายหนัก แต่เป็นการออกกำลังกายเบา เผาผลาญพลังงานได้เล็กน้อยเหมือนกับการถูบ้าน ล้างจาน เท่านั้น

23 September, 2010

ปวดหลัง

ปวดหลังเป็นโรคที่คนในวัยทำงานส่วนใหญ่เป็นกันมาก เพราะการใช้ท่าทางที่ผิด และจากการยกของหนักที่ผิดวิธี
ข้อแนะนำการปฏิบัติตัวและการบริหาร สำหรับอาการปวดหลัง

ข้อแนะนำในการปฏิบัติตัว

ท่านั่ง ท่านั่งแก้ปวดหลัง
-ใช้เก้าอี้ที่มีพนักพิง เพื่อให้บริเวณหลังได้พักนังไขว่หัางหรือใช้ม้าเตี้ยๆ รองที่เท้าให้ระดับหัวเข่าอยู่สูงกว่าระดับสะโพก
ท่านั่งแก้ปวดหลัง
-พนักพิงเก้าอี้ควรอยู่ในระดับเอว ถ้าพนักพิงอยู่ในระดับไม่เหมาะสม ควรหาม้วนผ้าสอดระหว่างหลังส่วนเอวกับพนักพิง










ท่านั่งที่ถูกต้อง


ท่ายืนที่ถูกต้อง

ท่ายืน
-ควรยืนอยู่ในท่าหลังตรงให้เป็นนิสัย เมื่อต้องยืนทำงานเป็นเวลานานๆ ควรมีม้าเตี้ยๆ
รองเท้า 1 ข้าง เพื่อป้องกันการแอ่นของหลังบริเวณเอว

เมื่อจะโน้มตัวไปข้างหน้า หรือเอื้อมหยิบของที่อยู่ไกลออกไปไม่ควรให้หลังอยู่ในท่าโค้งงอเป็นเวลานานๆ
ควรจะงอเข่าหรือใช้ม้าเตี้ยรองที่เท้า เพื่อลดการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อหลัง

*** สุภาพสตรีควรระวังการใส่รองเท้าส้นสูงมากๆ เพราะจะทำให้กระดูกสันหลังบริเวณเอวแอ่นตัวมาก

ท่านอน
นอนบนที่นอนที่มีความแน่นคงตัวพอสมควร ในช่วงที่มีอาการปวดหลัง ควรดัดแปลงท่านอนเพื่อลดการแอ่นของหลัง
และส่วนเอว ดังนี้

ท่านอนแก้ปวดหลัง
1.ท่านอนหงาย
ท่านอนหงายควรให้หมอนรองใต้ระดับเข่า เพื่อให้เข่างอเล็กน้อย

2.ท่านอนตะแคง
ใช้หมอนคั่นระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง

3.ท่านอน ควำ
ไม่แนะนำให้นอนท่านี้ ถ้าจำเป็นควรใช้หมอนรองบริเวณท้องน้อย

การยกของหนักจากพื้น
การยกของหนัก หรืออุ้มเด็กจากพื้นมีวิธีการดังนี้
เข้าไปโกล้วัตถุทีจะยกให้มากที่สุด
-ย่อเข่า หรือคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ท่ายกของที่ถูกต้อง
ยกวัตุีึ ระดับหน้าอก ถ้าวัตถุหนักมาก ให้ยกวัตถุมายังข้างทีงอเข่า หรือคุกเข่า
-ค่อยๆ เหยียดตัวขึ้นโดยเกร็งกล้ามเนื้อต้นขา
ท่ายกของที่ถูกต้อง
การออกกำลังกายทั่วไป
- ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ เป็นต้น
- การออกกำลังกายควรเริ่มหลังจากอาการปวดหลังหาย ดี แล้ว
- ควรเริ่มทีละน้อย อย่าหักโหมเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ปรับตัว และมีความยืดหยุ่นทีดีขึ้นเสียก่อน

ท่ากายบริหารสำหรับโรคปวดหลัง

ท่าออกกำลังกายแก้ปวดหลัง
1.ท่าดึงเข่า
นอนราบกับพื้นใช้มือทั้ง 2 ข้าง ดึงขาทีละข้างบริเวณเข่าใหัมาแนบระดับอก และค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที
ทำเช่นเดียวกันกับขาอีกข้าง
ท่าออกกำลังกายแก้ปวดหลัง
2.ท่าดึงสะโพก
นอนราบงอเข่าพอประมาณ เท้า 2 ข้าง วางราบแนบกับพื้น แนบบริเวณหลังกับพื้นตามสบาย แกร่งกล้ามท้อง
และกล้ามเนื้อบริเวณก้นเพื่อกดหลังให้แนบกับพื้นซึ่งจะเป็นการดึงกระดูกเชิงกรานยกขึ้นในเวลาเดียวกันทำค้างไว้ประมาณ 5-10 วินาที
ท่าออกกำลังกายแก้ปวดหลัง

3.ท่าเกร็งกล้ามเนื้อท้อง
นอนราบงอเข่าเล็กน้อย เท้าแนบพื้น ใช้มือประสานกันใต้ท้ายทอย ค่อยๆ ยกตัวขึ้นให้บริเวณหัวไหล่ทั้ง 2 ข้าง
ลอยจากพื้นโดยที่หลังยังแนบพื้นตลอดเวลา ทำค้างประมาณ 5 วินาที แล้วค่อยๆ ลดศีรษะและห้วไหล่ลงแนบพื้นตามเดิม
ควรเริ่มทำประมาณ 5 ครั้งติดต่อกัน และเพิ่มขึ้นทีละ5ครั้งหลังจาก ชำนาญขึ้น
ท่าออกกำลังกายแก้ปวดหลัง
4.ท่าแอ่นหลังท่านอน
นอนคว่ำ ค่อยๆ ยกศีรษะและหัวไหล่ขึ้นช้าๆ และค้างไว้ 5-10 วินาที แล้วจึงค่อยลดศีรษะและหัวไหล่ลงสู่ท่า
เริ่มต้น ทำซ้ำ 5 ครั้ง ติดต่อกัน และเพิ่มได้ทีละ 2 ครั้ง เมื่อชำนาญขึ้น
ท่าออกกำลังกายแก้ปวดหลัง
5.ท่าแอ่นหลังท่ายืน
เริ่มจากท่ายืนตรง กางขาออกเล็กน้อย เท้าสะเอวแอ่นหลังบริเวณระดับเอวไปด้านหลังให้มากที่สุดทำค้างประมาณ 5-10 วินาที แล้ว
กลับสู่ท่ายืนตรง ทำช้ำ 5 ครั้ง ติดต่อกันและเพิ่มได้ทีละ 2 ครั้ง เมื่อชำนาญขึ้น

ท่าออกกำลังกายแก้ปวดหลัง
6.ท่าก้มหลัง
นั่งบนเก้าอี้ กางขาออก แล้วค่อยๆ ก้มตัวลงที่บริเวณเอวจนมือทั้ง 2 ข้างสัมผัสกับพื้น ทำค้างประมาณ 5 วินาที


ที่มาข้อมูล สถาบันออร์โธปิดิกส์ โรงพยายบาลเลิดสิน

16 September, 2010

การออกกำลังกายเพื่อลดพุง

อ้วนลงพุง


การลดไขมันบริเวณหน้าท้องเป็นความต้องการของคนหลายๆ คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีไขมันสะสมอยู่ภายในร่างกายในปริมาณมากๆ หรือพูดอย่างง่ายก็คือ “อ้วนลงพุง” นั่นเอง เพราะในปัจจุบันนี้เหล่านักวิทยาศาสตร์ได้ทำการศึกษาค้นคว้า และพบว่า การที่คนเรามีพุง เนื่องจากมีไขมันสะสมในร่างกายปริมาณมากๆ หรือมีไขมันไปพอกพูนที่บริเวณหน้าท้อง ต้นขา สะโพก รวมไปถึงอวัยวะอื่นๆ ในปริมาณมากๆ เป็นสิ่งที่ไม่เกิดผลดีต่อสุขภาพเลยแม้แต่น้อย และยังพบอีกว่า


คนที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องมาก มีอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้ง่าย และอาจถึงขั้นเสียชีวิตก็ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต เป็นอัมพาต โรคหลอดเลือดตีบตัน เป็นต้น รวมไปถึงคนที่เป็นโรคอ้วน หรือมีรูปร่างสมบูรณ์มากเกินไป มักจะรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียบุคลิกภาพ รู้สึกไม่มั่นใจตนเอง เมื่อคนรอบข้างมองมาที่ตนเอง และความรู้สึกนี้ก็จะเกาะกินใจท่านไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ร่างกายของท่านยังมีไขมันสะสมอยู่ในปริมาณมาก ส่งผลให้เสียสุขภาพจิตได้อย่างมาก ดังนั้น เราจึงควรหันมาเริ่มลดไขมันบริเวณหน้าท้องและส่วนต่างๆ ของร่างกายกันอย่างจริงจังได้แล้ว

ผู้ชายกับผู้หญิงมีกล้ามเนื้อในร่างกายแตกต่างกัน ผู้ชายจะมีส่วนของกล้ามเนื้อมากกว่าผู้หญิง และภายในร่างกายของผู้หญิงก็จะมีไขมันสะสมมากกว่าผู้ชาย ดังนั้น การลดไขมันของผู้ชายจึงสามารถกระทำได้เร็วกว่าผู้หญิง

การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและเสริมสร้างกล้ามท้องด้วยการลุก-นั่ง (Sit-up) ท่านสามารถกระทำได้ทุกวันทุกเวลาที่มีโอกาส ซึ่งจะทำให้ท่านเป็นคนที่มีกล้ามท้องแข็งแรง และยังทำให้มีโอกาสปวดหลังบริเวณส่วนล่างน้อยลง เพราะคนที่ปวดหลังส่วนล่างจะมีอาการที่ทรมานมาก หรืออาจทำให้การดำเนินชีวิตในปัจจุบันเป็นปัญหาอุปสรรคมากมาย เนื่องจากกล้ามเนื้อหลังเป็นกล้ามเนื้อที่มีส่วนสำคัญในการเดิน วิ่ง หรือหลายๆ อิริยาบถ ดังนั้น หากท่านมีอาการปวดหลัง ท่านจะรู้สึกทำอะไรไม่สะดวก ซึ่งการเสริมสร้างกล้ามท้องให้แข็งแรงจะช่วยท่านได้เป็นอย่างดี

การออกกำลังกายเพื่อลดพุงหรือไขมันหน้าท้องสามารถกระทำได้ โดยการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องและใช้ระยะเวลานาน 30 นาทีขึ้นไป ร่วมกับการเสริมสร้างกล้ามเนื้อท้องให้แข็งแรง ผู้เขียนขอเป็นกำลังใจให้ท่านลดพุงหรือไขมันหน้าท้องให้สำเร็จตามที่ท่านต้องการ


ที่มา :http://www.spu.ac.th/announcement/articles/sit-up.pdf โดย นายมาโนช บุตรเมือง มหาวิทยาลัยศรีปทุม

14 September, 2010

การแต่งตัวของคนอ้วน

คนอ้วน


การแต่งตัวของสาวร่างอวบทั้งหลาย มาลองดูกันสิว่า การแต่งตัวของอ้วนจะต้องแต่งตัวยังไง เพื่อให้ดูดีสวยน่ารัก หรือแก้ไขปกปิดจุดบกพร่องต่างๆ คนอ้วนนอกจากจะหาชุดสวยๆถูกใจใส่ยากแล้ว สิ่งที่น่ากังวลอีกอย่างก้คือใส่เสื้อผ้าแล้วกลัวจะไม่สวย เพราะรูปร่างเจ้าเนื้อกว่าคนปกติ แต่ถ้าเรามีเทคนิคที่แต่งตัวแล้วออกมาดูดี

1. การเลือกเสื้อผ้าของคนอ้วนนั้น ต้องเป็นสิ่งที่ตนเองรู้สึกว่าใส่แล้ว มั่นใจ ที่ทำให้การแต่งตัว ดูดี ขึ้น

2. สีของเสื้อผ้า "ควรจะเน้นให้ออกไปทางโทนสี เข้ม เช่น สีดำ สีน้ำเงิน สีน้ำตาล ถ้าเลือกได้พยายามอย่าใช้โทนสี ที่ออกแนวสว่างๆ หรือผสมกับสีขาว เพราะมันจะทำให้รูปร่างของเราดูขยายใหญ่ขึ้น .ทำให้มองว่าอ้วนมากกว่าเดิม

3. การเลือกกระโปรง หรือกางเกง ควรจะเลือกเป็นทรงกระบอก หรือ ทรงตรง และจำไว้ว่า ถ้าเป็นกระโปรงให้หลีกเลี่ยงทรงเอ เพราะมันจะทำให้เราดูอวบอ้วน ขึ้น

4. ลวดลายของเสื้อผ้า ควรจะ เป็น ลายเส้น ลายแนวทางลง เพราะจะทำให้เราดู หุ่นเรียวยาวขึ้น ซึ่ง "ควรหลีกเลี่ยง ลายใหญ่ๆ หรือลายแนวขวาง เป็นอันขาด"

5. ควรจัดกระโปรง หรือ กางเกง ให้อยู่เหนือเข่า เพื่อ ขาจะได้ดูเรียวยาวขึ้น หากเป็น กางเกงยีนส์ ไม่ควรใส่ยีนส์ตัวใหญ่ๆ ควรจะใส่เป็นยีนส์ทรงกระบอกหรือทรงตรง ตามที่กล่าวมาแล้วในข้อ 3 และ ไม่ใหญ่เกินไป

6. รองเท้า ผู้หญิง ที่ร่างอวบ ทั้งหลาย ควรใส่รองเท้าเป็นรองเท้าส้นสูง หัวแหลม...ไม่ควรใส่รองเท้า ลักษณะที่ทำให้ดูมนๆตันๆ เช่น รองเท้าส้นตึก หรือปลายทู่

7. ควรมีการแต่งหน้านิดๆ หรือจะทาแป้ง เพื่อให้ใบหน้าดูสดใส ก็ได้ ซึ่งจำไว้ว่า รอยยิ้ม จะทำให้เราดูมั่นใจและดูดีได้นะ

8. เมื่อได้เสื้อผ้าตามที่ต้องการแล้ว เหลือเพียงความมั่นใจเท่านั้น มั่นใจให้เต็มที่ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้ว ออกจากบ้านไปด้วยความมั่นใจเต็ม 100 ไปเลย คนอ้วนอย่าหยุดสวย



ไม่ว่าเราจะมีรูปร่างอวบอ้วนกว่าคนอื่นยังไง หากเรามีความมั่นใจ และรู้วิธีแต่งตัวให้ดูดี จะแต่งอะไร แต่งแบบไหน ก็จะช่วยให้เราดูดีขึ้นได้ ดังสุภาษิตโบราณที่ว่า "ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง" คนอ้วนก็อย่าหยุดสวย


ขอขอบคุณรูปสวย จาก ผู้ัจัดการออนไลน์ www.manager.co.th

12 September, 2010

กินเพื่อล้างพิษ ตำรับจีน

สุขภาพดี
การกินอาหารนั้นนอกจากทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารและพลังงานที่จำเป็นเพื่อให้สามารถทำกิจกรรมประจำวันแล้ว ยังกินเพื่อล้างพิษได้อีกด้วย
ซึ่งการกินเพื่อล้างพิษตำรับจีนนี้มีประโยชน์ต่อสุขภาพ สามารถขจัดสารพิษออกจากร่างกาย เพิ่มพละกำลัง ลดน้ำหนัก ฟื้นฟูพลังชีวิต ชะลอความชราโดยสูตรล้างพิษนี้จะใช้ระยะเวลา 7 วันดังนี้

วันที่ 1.
เช้า. ข้าวต้มข้าวกล้อง 1 ถ้วย เห็ดหอมนึ่งซีอิ๊ว 1 จานเล็ก(จานรองถ้วยกาแฟ)
กลางวัน. สาลี่ 1 ผล หรือองุ่น 10 ผล น้ำชาสมุนไพร 1 ถ้วย
เย็น. เห็ดหอมนึ่ง 1 จานเล็ก กับพักกาดขาวสดๆ 1 จานเล็ก

วันที่ 2
เช้า. แกงจืดฟักเขึยวใส่เนื้อหมู 1 ถ้วย น้ำสะอาดหรือน้ำแร่ 1-2 แก้ว
กลางวัน. น้ำต้มเห็ดหอม 2 แก้ว ถั่วลิสงหรือเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ 2 ช้อนโต๊ะ
เย็น. มันเทศต้มหรือเผา 1 หัว
*ระหว่างมื้อ(ถ้าหิว) ถั่วลิสงต้ม 2 ช้อนโต๊ะ

วันที่ 3
เช้า. แกงจืดมะเขือเทศสาหร่ายทะเล 1 ถ้วย
กลางวัน. น้ำต้มเห็ดหอม 2 แก้ว
เย็น. ถั่วเขียวหรือถั่วแดงต้มสุก (ไม่เอาน้ำ) 1 ถ้วย
*ระหว่างมื้อถ้าหิวหัวไช้เท้าสด+แครอทสด

วันที่ 4
เช้า. ไข่ตุ๋นใส่เก๋ากี๊ 1 ถ้วย
กลางวัน. ข้าวโพดต้ม 1 ฝัก
เย็น. แกงจืดถั่วงอก 1 ถ้วย

วันที่ 5
เช้า. ผักปวยเล้งลวกสุกคลุกน้ำมันงา 1 ถ้วย
กลางวัน. ยำเห็ดหูหนูขาว 1 ถ้วย
เย็น. น้ำต้มผักปวยเล้งผสมน้ำตาลหรือน้ำผึ้ง 1-2 แก้ว
*ระหว่างมื้อ (ถ้าหิว) เกาลัดต้ม 8-10 ลูก

วันที่ 6
เช้า. ข้าวต้มข้าวกล้องกับสมอจีนหรือกาน้าแาย
กลางวัน. ผักสดๆแช่เย็นผเช่น แตงกวา แครอท ขึ้นฉ่าย ผักกาดขาว)จิ้มกับเต้าเจี้ยวบีบมะนาว
เย็น. ต้มจับฉ่าย 1 ถ้วย
* ระหว่างมื้อ (ถ้าหิว)เมล็ดฟักทอง 2 ช้อนโต๊ะ

วันที่ 7
เช้า. ต้มหน่อไม้จีน 1 ถ้วย
กลางวัน. สตรอว์เบอร์รี่แช่เย็น 1 ถ้วย หรือมะเขทอเทศแช่เย็น ฝานบางๆ 1 จาน
เย็น. น้ำต้มเห็ดหอม 2 แก้ว
* ระหว่างมื้อ (ถ้าหิว)พุทธาจีน 5-6 ลูก

07 September, 2010

การเลือกสวมเสื้อผ้าเพื่อแก้ไขจุดบกพร่อง

เสื้อผ้าแฟชั่น
สาวๆ ที่มีปัญหาเรื่องรูปร่างและกังวลว่าจะสวมเสื้อผ้าไม่สวย
จนทำให้ขาดความมั่นใจ ลองดูคำแนะนำในการสวมเสื้อผ้าเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องหรืออำพรางรูปร่าง ดังต่อไปนี้

หน้ายาว คางแหลม : ควรเลือกขอบเสื้อช่วงคอแบบสี่เหลี่ยมหรือ
แบบคอกลม และหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อคอวี เพราะจะยิ่งเน้น่ให้หน้า
และคางดูยาวมากขึ้น

หน้ารูปสี่เหลี่ยม : สวมใส่คอเสื้อแบบคอวี หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อ
คอกลมและคอสี่เหลี่ยม

หน้ากลม : เลือกสวมเสื้อคอวีเเละคอสี่เหลี่ยม จะช่วยลดความกลมของใบหน้า และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อคอกลม

คอสั้น : สวมเสื้อผ้าที่เปิดเห็นคอ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อคอเต่า

ไหล่กว้าง : การเลือกเสื้อผ้าที่มีคอเสื้อแบบคอวี เเละคอกลมแบบ
กว้าง จะช่วยลดความสนใจออกจากไหล่

ไหล่แคบ : สวมเสื้อผ้าที่มีฟองน้ำเสริมไหล่ จะช่วยให้ไหล่ดูกว้างขื้น

หน้าอกเล็ก : เลือกสวมเสื้อที่มีลายแนวขวาง หรีอเสื้อสายเดี่ยวที่มี
ลูกเล่นหรีอลายบริเวณหัวไหล่

หน้าอกใหญ่ : สวมเสื้อคอวีที่ทำให้มีเนื้อที่บริเวณคางและหน้าอก
หรืออาจจะสวมเสื้อเปลือยแขน เสื้อผ้าสีเข้มก็สามารถช่วยลดความใหญ่
ของหน้าอก ได้

ขาใหญ่ : สวมกางเกงสีเข้มลายทางตรง พยายามอย่าให้มีลวดลาย
ช่วงท่อนล่างหากใส่กระโปรงทรงเอ และอาจเพิ่มการสวมถุงน่องสีเข้มกว่าสี
ผิวที่ขา ช่วยทำให้ขาดูเล็กลง และเสริมด้วยการใส่รองเท้าส้นสูงเล็กน้อย
จะช่วยทำให้คุณดูเพรียวขึ้น

ขาเล็ก : สวมกระโปรงหรือขุดแซ็กทรงเอ และสวมรองเท้าส้นสูงเปลือยเท้า หรือสวมถุงน่องที่มีสีอ่อนกว่าสีผิวที่ขา เพื่อช่วยให้ขาดูมีขนาดที่ได้สัดส่วน

26 August, 2010

วิธีปัดมาสคาร่า

มาสคาร่า
วีธีปัดมาสคาร่า
วิธีปัดมาสคาร่า ในสาวๆที่มีดวงตาต่างประเภทกัน

สาวตาชิด
หากคุณเป็นสาวที่มีดวงตาลึกชิดติดกันถ้าปัดมาสคาว่าไปตาม
รูปตาเฉย ๆ นั้น จะทำให้ดวงตาเราจะยิ่งดูเข้าและตัดสินมากขึ้น
** ให้พยายามปัดขนตาบริเวณหางตาให้หนาเป็นพิเศษ จะช่วยสร้างความ
สมดุลให้ใบหน้าได้เยอะเลยทีเดียว

สาวตาห่าง
อย่าเพิ่งเครียดและตกกะใจ ว่า “ฉันจะทำยังไงดี ถ้าปัด
มาสคาร่าแล้วมันจะยิ่งดึงดูดให้ดวงตาฉันดูห่างมากขึ้นหรือเปล่า”
** พยายามปัดขนตาให้ทั่วทั้งตา เเตไม้ควรเน้นบริเวณหางตามากไปนัก
เพราะจะยิ่งทำให้เราดูตาห่างมากยิ่งขึ้น ถ้าเกิดอยากเน้นให้ดวงตาดู
โดดเด่นมากขึ้นไปอีกล่ะก็ เเนะนำให้ปัดเน้นบริเวณหัวตาและกลางตา
เท่านั้น

สาวตาโต
เชี่อเลยละว่า ใครๆ ก็อยากมีดวงดาที่กลมโต แต่ถ้าใครที่เป็นเป็นเจ้าของดวงตาที่กลมโตน่าหลงใหลแล้วล่ะก็ อยากลองเพิ่มความโดดเด่นเข้าไปอีก มากกว่าการปัดมาสคาร่าแบบธรรมดาละก็
** ลองปัดมาสคาร่าสีดำจับให้เป็นช่อเหมือนตาต่อตา และเพิ่มหยดน้ำบริเวณขนตาด้วย มาสคาร่าเเบบหยดน้ำดูเก๋ไม่เบาเลยนะ

สาวหมวย
ถึงแม้เทรนด์หมวยยังคงมาแรงแต่ก็อย่า สวยแบบสาวตาโตก็ดีไม่น้อย
** ปัดขนตาด้วยมาสคาร่าสีดำให้ครบทุกเส้นขนตา และขอย้ำว่าให้ปัดซ้ำอีกครั้งหลัง
จากการปัดมาสคาร่ารอบแรกแห้งแล้ว เพื่อไม่ให้ขนตารวบกันเป็นก้อน แต่ครั้งที่ 2 นี้
เน้นบริเวณช่วงกลางดวงตาให้ดูหนาและยาวจะช่วยให้เราดูตาโตขื้นได้


**** Tip ควรดัดขนตาก่อนปัดมาสคาร่าทุกครั้ง เพื่อให้ปัดง่ายขึ้น

ขอบคุณเรื่องและภาพจาก Slimming เดือนสิงหาคม 53

14 August, 2010

รู้เรื่องผม

ผมสวย
รู้เรื่องผม

ภญ. กรรณิการ์ เอกศักดิ์ ให้ความรู้เรื่องนี้ไว้ว่า -แฟชั่นการทำ
สีผม โดยมากมักมีสารพวกไฮโดรเจนเปอร์อ็อกไซด์ที่ทำให้สีผมจางลง
แล้วจึงตามด้วยตัวยาเปลี่ยนสีผมที่มีความเข้มข้นและคุณสมบัติที่ต่างกัน
เช่น ถ้าต้องการย้อมผมชั่วคราวก็ใช้สีที่ละลายน้ำได้ดี ถูกชะล้างออกได้
ง่ายด้วยน้ำเพียง 1-2 ครั้ง หากต้องการเปลี่ยนสีผมถาวรก็ใช้สีที่ติดทนนาน
แต่จะมีจะมีผมใหม่ค่อยๆ งอกออกมาแทนที่ตรงโคนผม ทำให้ต้องย้อมผมใหม่
ทุก 4-6 สัปดาห์

นอกจากการทำสีผมแล้ว การดัด / ยืดผม จะทำให้เส้นผมเเละ
หนังศีรษะถูกรบกว่าจากน้ำยามากจนเกินไป ทำให้ผมขาดน้ำหนัก เปราะบาง
หักง่าย และเมื่อหนังศีรษะอ่อนแอ รากผม เส้นผมก็็จะไม่แข็งแรง หลุด
ร่วงง่าย ถ้าปล่อยทิ้งไว้ ปัญหาเล็ก ๆ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เพราะเมื่อ
เซลส์รากผมอ่อนแอมากจนกระทั่งตาย เส้นผมใหม่ไม่สามารถงอกขื้นมา
ได้ จะทำให้เกิิดภาวะศีรษะล้านได้

ภาวะรักษาผมบาง ผมร่วง ศีรษะล้านในเพศหญิงมีข้อจำกัดมากกว่า
เพศชาย เนื่องจากยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้มีขนขึ้นบริเวณใบหน้า
แขน และขา ส่วนยาที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศชายจะใช้ไม่ได้ผลในเพศหญิง
และการใช้ยานั้นหากไม่กินต่อเนื่องผมก็จะร่วงเมื่อหยุดยา ซึ่งจะเห็นได้ว่า
ทางเลือกของผู้หญิงที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางแบบไม่มีเลย หากไปรักษา
ตามสถาบันต่าง ๆ ราคาก็สูงมาภ เราจึงควรแก้ไขที่ต้นเหตุพร้อมทั้งปรับ
สภาพของหนังศีรษะ รากผมและเส้นผมให้แข็งแรง โดยไม่ควรย้อมผมถี่
เกินไปและการดัดผม ยืดผมและย้อมผมในเวลาเดียวกัน ควรทิ้งระยะห่าง
สัก 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ควรบำรุงรากผมและหนังศีรษะด้วยสาร
อาหาร วิตามินที่จำเป็นแก่เส้นผม ได้แก่ ไบโอตินหรือวิตามิน H เป็น
วิตามินที่ช่วยทำให้ผมและเล็บแข็งแรง พบมากในอาหารประเภท ไข่แดง
เครื่องในสัตว์ ส่วนบริเวอร์ยีสต์เป็นโปรตีนที่จำเป็นต่อเส้นผมนั้นมักพบ
มากในเบียร์ ซึ่งคนสมัยก่อนจะใช้เบียร์หมักผมเพื่อให้ผมนุ่ม ชึ่งในปัจจุบัน
มีโปรตีนสกัดจากบริเวอร์ยีสต์ แร่ธาตุสังกะสีช่วยในการปรับสภาพหนัง
ศีรษะที่อ่อนแอจากการถูกทำร้ายโดยสารเคมี มักพบในอาหารทะเล อย่าง
หอยนางรม อย่างไรก็ตามอาหารด่าง ๆ ที่ใหิวตามินและแร่ธาตุที่ต้องการนั้น
ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง ไม่ว่าจะเป็นไข่แดง หอยนางรม
จึงทำให้เป็นข้อจำกัดของผู้สูงและผู้ที่มีปัญหาคอเลสเตอรอล ชึ่ง
ปัจจุบันมีการผลิตออกมาในรูปแบบแคปชูลที่มีส่วนผสมทั้ง ไบโอติน
บวิเวอร์ยีสต์ สังกะสี บิตามินบี 5 รวมอยู่ในตัวเดียวกัน จึงเป็นอีกทางเลือก
ใหม่ของคุณผู้หญิงที่มีปัญหาผมบาง ผมร่วง

ที่มา นิตยสาร slimming เดือน สิงหาคม 2553

10 August, 2010

การดูแลบำรุงผิว

การดูแลผิว
การดูแลบำรุงผิว

ผิวเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกาย ถ้าหากว่าเรานิ่ง
เฉยไม่ใส่ใจดูแลให้การบำรุงผิวเลย ก็คงไม่ต่างอะไรกับการมี
สุขภาพที่แย่ แลดูทรุดโทรม
ปัญหาเกี่ยวกับผิวหนังที่จะเกิดขึ้นก็มีมากมายเต็มไปหมดผิวหนังเมื่อไม่ได้รับการฟื้นฟูดูแลไม่ว่าจะด้วยวิธีหรือขั้นตอนใดๆก็ตาม จะเป็นการบั่นทอนความงามและสุขภาพลงอย่างส้นเชิง ชึ่ง
ยังผลในระยะยาวทึ่จะทำให้เกิดริ้วรอย หรือแม้แต่โรคที่รุนแรงต่อ ผิวหนัง
ผิวที่ต้องพบเจอกับสิ่งสกปรกต่างๆ มากมายในแต่ละวัน เมื่อ
ไม่ได้รับการเอาใจใส่ขัดผิวด้วยลูตรขัดผิวต่างๆ ดูบ้างละก็ จะส่งผลให้ผิวเกิดการอุดตันได้ เซลล์ผิวเก่าๆ ที่เสื่อมสภาพก็ไม่หลุดออกไป ผิวก็จะดูหมองคล้ำไม่สดใสเปล่งปลั่ง สิ่งสกปรกก็จะ
สะสมมากขึ้นเรื่อยๆในที่สุดอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังบางอย่างขึ้นได้
ก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับสิวอุดตันเกิดขึ้น
ผิวสวยสุขภาพดี ก็คือการมีผิวที่สะอาด ละเอียดนุ่ม ไม่เกิดริ้วรอยอันไม่พึงก่อนวัย และการที่จะ
ช่วยทำให้ผิวดูดีแบบนั้นได้ส่วนหนึ่งก็มาจากการดูแล และบำรุงผิวด้วยการมาสก์หรือพอกนั่นเอง
นอกเหนือไปจากนี้ก็ว่าด้วยเรื่องของสภาพอากาศที่ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญในการทำให้ผิวต้องได้รับ
การดูแลไปตามฤดูกาล

ฤดูหนาว
มีผลทำให้ผิวแห้งแตกลอกเป็นขุยได้ง่ายๆ หนัง
ศีรษะก็แห้งลอกเป็นรังแคที่และยังทำให้โรคทางผิวหนังอย่างเช่น
เริม หรืองูสวัด เกิดขึ้นได้อีกด้วย ฉะนั้นเพื่อเป็นการปกป้องผิว
ในหน้าหนาว ก็ควรชโลมผิวด้วยโลชั่นให้มากๆ พร้อมกับการ
บำรุงผิวตามสูตรต่างๆ ที่เหมาะกับผิวแห้งควบคู่ไปด้วย ผิดจะได้
ไม่เกิดปัญหา

ฤดูฝน
เป็นฤดูที่เต็มไปด้วยความเปียกชื้น ชึ่งส่วนใหญ่
แล้วจะทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนังเล็กๆ น้อยๆ ในส่วน
ของเท้า ทางที่ดีก็ควรปกป้องและดูแล ถนอมผิวเท้าให้แห้งสะอาด
เป็นหลักเท่านั้นก็ช่วยให้ผิวเท้ามีสุขภาพที่ดีแล้ว จากนั้นก็อย่าลืม
บำรุงผิวเท้าด้วยสูตรต่างๆ ด้วย
ฤดูร้อน
เป็นฤดูหลักๆ ของบ้านเรา ชึ่งอากาศร้อนๆ แดด
จัดๆ แน่นอนว่าคงหลีกหนีไม่พ้นกับเหงื่อไคล และสิ่งลกปรกทั้ง
หลายอุดตันรูขุมขน อีกทั้งยังทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมัน
ออกมามากเกินความจำเป็น การดูแลรักษาความสะอาดผิวให้สะอาด
หมดจดอย่างล้ำลีก จึงเป็นหัวใจที่สำคัญพร้อมด้วยการหลบเลี่ยง
การดูแลบำรงผิวด้วยสูตรต่างๆ ที่ช่วยลดความมัน
หน้าร้อน จึงเป็นการปกป้องผิวที่เหมาะที่สุด

04 August, 2010

สูตรบำรุงผิวพรรณให้สดใสด้วยเบียร์สด

เบียร์สด
ผิวพรรณสดใสมีเลือดฝาดด้วยเบียร์สด
เบียร์ใช่ว่าจะไม่ดีเสมอไป เบียร์สามารถทำให้ใบหน้าสดใสมีเลือดฝาด
ลองนำสูตรเบียร์สดมาใช้กับใบหน้าดูสิ เข้าท่าตีนะ
ส่วนผสม
- เบียร์สด 1 /2 ถ้วย
-1 ไข่ไก่ 1 ฟอง
- น้ำผึ้งแท้ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธี ทำ
1. นำเบียร์สดปั่นรวมกับน้ำผึ้งแท้และไข่ไก่จนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน หรือจะใช้วิธีคนตีๆให้เข้ากันก็ได้
2.ล้างหน้าให้สะอาดและซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนูสะอาด
3. ก่อนเข้านอนนำครีมนี้มาพอกหน้าที่สะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที
4. แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากยังรู้สกเหนอะหนะหน้าอยู่สามารถใช้โฟมล้างหน้า แบบอ่อนๆ
หรือสบู่เด็กช่วยล้างทำความสะอาดได้ คุณจะรู้สึกว่าผิวหน้าเต่งตึงขึ้น ดูสดใสมีเลือดฝาด
ลองทำเพียงสัปดาห์ละ 1 -2 ครั้ง ประมาณหนึ่งเดือนก็เห็นผลแล้ว

ทดลองทำได้เองที่บ้านง่ายๆ

22 July, 2010

สูตรกระชับรูขุมขน



สูตรกระชับรูขุมขน

กระชับรูขุมขนด้วยมะเขือเทศและนมเปรี้ยว

มะเขือเทศและนมเปรี้ยวช่วยทำความสะอาดใบหน้าเกลี้ยงเกลาและช่วยกระชับรูขุมขน บำรุงผิวให้ชุ่มชื้น นวลเนียนและขาวขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ส่วนผสม
- มะเขือเทศ 2 ลูก
- นมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้ง 2 ช้อนชา
วิธี ทำ
1. หั่นเป็นมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็กๆ และเติมนมเปรี้ยว หรือน้ำผื้งลงไป
2. จากนั้นแล้วไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
3. นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ
4. ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น เช็ดหน้าให้สะอาด

สูตรกระชับรขมขนด้วยกล้วย
สูตรนี้สามารถช่วยกระชับรูขุมขนได้ดีเลยทีเดียว นอกจากกระชับรูขุมขนแล้วยังช่วยให้ใบหน้าขาวนวลเนียน ตึงกระชับ และจุด ด่างดำก็พลอยจางหายไปด้วย ควรหมั่นทำเป็นประจำทุกๆ 7 วัน

ส่วนผสม
- กล้วยหอม แตงกวา มะเขือเทศ (เลือกอย่างใด็ได้) 1 ผล
- นมเปรี้ยว หรือน้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ

วิธี ทำ
1. ปอกเปลือกผลไม้ที่เลือก เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เติมนมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้งลงไปผสมกัน
2. จากนั้นแล้วไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีม
3. นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที
4. แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะุช่วยทำความสะอาดใบหน้าและช่วยกระชับรูขุมขน และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น

ต้องทำเป็นประจำหรืออย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งเพื่อ ผิวหน้าที่ชุ่มชื้น สดใส

16 July, 2010

อาหารบำรุงผิวจากธรรมชาติ


อาหารบำรุงผิวจากธรรมชาติ

ชาเขียวมีส่วนช่วยต้านออกชิเดชั่นนอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูผิวหนังจากการถูกแสงแดดทำลายไม่ให้เสื่อมก่อนวัย แก้ปัญหาสิวและผิวอักเสบ สามารถใช้ได้บ่อยและเหมาะกับทุกสภาพผิว

รำข้าว คือ ส่วนที่ขัดออกจากผิวนอกของเมล็ดข้าวสาร มีสรรพคุณ บำรุง ผิวและชะลอความเเก่ เหมาะกับทุกสภาพผิว และใช้ในหนาว เพื่อป้องกันผิว แห้ง

จมูกข้าวสาลี มีบิดามิน E สูง เป็นสารต้านออกซิเดชัน ซึ่งจะไปทำลายอนุมูลอิสระ ป้องกันไม่ให้เซลล์ผิวถูกทำลาย และช่วยชะลอความแก่ เหมาะกับทุก สภาพ ผิว

งาดำและงาขาว อุดมไปด้วยโปรตีนและกรดแอมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายในเมล็ดงาจะมีน้ำมันมาก จึงสามารถนำมาสกัดเป็นน้ำมันงาได้ดี ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว มีสรรพคุณช่วยบำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื่น เหมาะกับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย

ข้าวโอต จะให้ใยอาหารที่ละลายในน้ำ มีสารเพ็กตินเหมือนอย่างส้มมีใปรตีนและไขมัน เหมาะสำหรับผิวแห้งและผิวแพ้ง่าย

ผงขมี้นมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้ออ่อนๆ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและบำรุงผิวพรวณ ลดอาการอักเสบของผิว ไม่เหมาะกับผิวแห้งหรือเเพ้ง่าย

สับปะรด มีวิตามิน C AHA ในสับปะรดช่วยในการผลัดเซลล์ผิว

ฟักทอง ให้เบต้าแคใรทีนสูง หัวตามินC และวิตามิน A

แครอท มีเบต้าแคโรทีนสูง

มะขามเป็นผลไม้ที่มีความเป็นกรดมาก น้ำมะขามมีสรรพคุณช่วย ขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดลอกออก ช่วยปรับสภาพผิว บำรงผิวให้อ่อนนุ่มชุ่มชื่น กระป้รี้กระเปร่า ทำให้ผิวพรรณดี ปราศจากจุดด่างดำ
ส้มและมะนาวมีวิตามิน C สูง แคลเซียม ฟอสฟอรัส และเบต้าแคโรทีน

มะละกอ มีเบต้าแคโรทีนและวิตามินซีสูง

14 July, 2010

ประโยชน์ของโยคะ


ประโยชน์ของโยคะ
ประโยชน์ของการฝึกโยคะอย่างสม่ำเสมอนับว่ามีอยู่หลายอย่างด้วยกันคือ ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงกระฉับ-กระเฉง เลือดหมุนเวียนดี การย่อยอาหาร การขับถ่ายดี สมองปลอดโปร่งแจ่มใส เป็นต้น

บุคลิกภาพที่ดีของหลายๆ คนเป็นผลมาจากการออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ สำหรับคนที่ไม่สะดวกในการออกกำลังกายกลางแจ้งหรือนานๆ ครั้งจึงจะได้ออกกำลังกายจนได้เหงื่อท่วมตัว การทดแทน
ด้วยการฝึกเล่นโยคะอย่างง่ายก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความตึงเครียด แถมยังสามารถช่วยลดและบรรเทาจากโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ประโยชน์ที่คุณจะได้รับก็ คือ

* ทำให้อวัยวะส่วนท้องทำงานได้ดี
* ทำให้ปอดและหัวใจแข็งแรง
* ข้อต่อในส่วนต่างๆ แข็งแรง
* ขจัดอากาพวดศีรษะ
* อารมณ์ดี จิตใจสงบ ความจำและสมาธิดีขึ้น
* ทำให้สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น
* โรคเส้นเลือดขอดจะหมดไป
* ทำให้นอนหลับสบาย ไม่คิดฟุุ้งซ่าน
* รักษาอากาพวดตามข้อและปวดหลัง
* ชะลอความแก่
* กระดูกสันหลังแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดีขึ้น
* ป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวาร
* ป้องกันและบรรเทาอาการของโรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้
* ผิวพรรณเปล่งปลั่ง

โยคในสมัยโบราณ เริ่มขึ้นจากความเข้าใจในความเป็นอยู่ของตนเอง การค้นพบวิธีบริหารร่างกายเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ วิธีการใดก็ตามที่ทำให้ร่างกายได้รับความสบายปลอดโปร่ง หายจากการเจ็บป่วยเมื่อยล้า วิธีการนั้นจะถูกบันทึกสะสมขึ้นเรื่อยๆเมื่อวัฒนธรรมต่างๆ เปลี่ยนไป โยคะในแต่ละแห่งจึงมีความแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังคงรูปแบบและวิธีการที่เป็นไปในทิศทาง
เดียวกันถึงแม้กาลเวลาจะล่วงเลยมายาวนานนับพันปี การฝึกโยคะก็ไม่เคยเสื่อมลงไปเลยแม้แต่น้อย แต่กลับได้รับการพัฒนาและปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เข้ากับการดำเนินชีวิตของผู้คนในยุคปัจจุบัน เมื่อคนเข้าใจง่ายขึ้นและวิธีการฝึกที่ไม่ยากจนเกินไป ทำให้ได้ความนิยมกัน
อย่างแพร่หลาย จึงเป็นที่มาของคำว่า “โยคะเพื่อสุขภาพ” นั่นเป็นเพราะว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการฝึกโยคะเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกคนพอใจ ทำให้สุขภาพดีขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นโรคภัยต่างๆ กอาจจะบรรเทาหรือถึงขั้นหายขาดไปเลยก็มี

องค์ประกอบของโยคะ

1. ฝึกการหายใจและลมปราณ
การฝึกบังคับลมหายใจเข้าออกและลมปราณจะมีส่วนช่วยเพิ่มพลังงาพายในร่างกาย จิตใจปลอดโปร่ง สงบและเยือกเย็น ความคิดอ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ฝึกทำสมาธิ
ความเครียดจะเป็นตัวทำลายสมรรถภาพในด้านต่างๆ การฝึกสมาธิจะช่วยให้ผ่อนคลาย สามารถขจัดความเครียดอย่างได้ผล

3. ฝึกบริหารร่างกาย
เป็นตัวตนของโยคะที่ชัดเจนที่สุด กาพริหารท่งกายด้วยความนิ่มนวล จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่ให้กับส่วนต่างๆ ของร่างกายในส่วนของกล้ามเนื้อ เส้นเลือด และเส้นประสาท ทำให้ระบบในร่างกายโดย
รวมมีการผ่อนคลาย

เวลาที่เหมาะสำหรับการฝึกโยคะ คือ เวลาเช้า การฝึกโยคะแบบง่ายๆช่วยบริหารร่างกาย และสร้างพลังชีวิต การเลือกท่าทางที่นุ่มนวลจะช่วยทำให้เกิดความสมดุลของสรีระและกล้ามเนื้อ ระยะเวลาในการฝึกโยคะควรจะอยู่ที่ 20 นาทีต่อครั้งเป็นอย่างน้อย และฝึกสัปดาห์ละ 2 ครั้งเพื่อให้เห็นผล


การเตรียมตัวฝึกโยคะแผนใหม่ ควรคำนึงถึงมีดังนี้
* เลือกสถานที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
* อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด (ยกเว้นการฝึกในท่าวอร์มอัปรับอรุณ เมื่อตื่นขึ้นมาสามารถฝึกบนที่นอนก่อนลุกจากที่นอนได้เลย)
* ในระหว่างฝึก คะจะต้องมีสมาธิและ จิตใจสงบเพื่อให้การขับลมปราณเป็นไปได้ด้วยดี
* ก่อนฝึกโยคะไม่ควรกินอาหารหรือหากจะกินก็ควรกินก่อนฝึกไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง
* ผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับความดันโลหิต

07 July, 2010

น้ำมันงา กับความงาม


น้ำมันงา (Sesame oil)
น้ำมันงานั้น ทางการแพทย์เก่าแก่อย่างอายุรเวทแห่งอินเดียแนะนำให้นวดตัวด้วย
น้ำมันงาก่อนอาบน้ำตอนเช้า จะช่วยปรับร่างกายให้เข้าสู่สมดุล ทำให้จิตใจสงบ
อีกทั้งยังมีสรรพคุณบำรุงกระดูก กล้ามเนื้อ ระบบประสาท และผิวพรรณให้
อ่อนนุ่มชุ่มชี่น.

คนไทยก็ใช้น้ำมันงาเข้าเครื่องยา นวดแก้เคล็ดยอก ช้ำบวม ทาผิวและผม
เพราะว่ามันงามีคุณสมบัติแทรกซึมผ่านผิวหนังได้ทุกชั้น มีวิตามินE สูง ทำให้
ผิวหนังนุ่มนวล ไม่เหี่ยวย่น

สมัยก่อนการสกัดน้ำมันงาด้วยวิธีคล้ายโม่แป้ง แล้วบีบเอาแต่น้ำมัน
บริสุทธิ์ใดยไม่ผ่านความร้อน เรียกว่าน้ำมันงาเชย เมื่อนำไปนวดตัวจะช่วย
บำรงผิว ขจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันตามรูขุมขน มีคณค่าเหมาะกับการประทินโฉม
มากกว่าน้ำมันงาสุกที่ผ่านการตั้งไฟเคี่ยวเอาแต่น้ำมัน
นอกจากนี้ยังใช้ชโลมผมเพื่อความเงางาม บำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวย ช่วย
ปรับสภาพไม่ให้แห้งแตกปลาย หากนำมาตั้งไฟพออุ่น จุ่มเล็บมือหรือเท้า
ที่แห้งแตกสัก 10-15 นาทีทุกวัน สุขภาพเล็บจะดีขึ้นและเป็นมันวาว

ประโยชน์ของน้ำมันงามมีมากมาย ลองหามาติดบ้านไว้บ้างก้ดีนะครับคุณสาวๆ

02 July, 2010

การดูแลเส้นผม


เทคนิคการดูแลเส้นผม
คนเราทุกคนต้องการมีเส้นผมที่สลวยเงางาม ผมที่เสียขาดฟู แตกปลาย ไม่มีน้ำหนักนั้นเกิดจากหลายๆสาเหตุ ผมคนเราสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายแบบ
ดังนี้
1.ผมมัน สังเกตุเวลาเอามือลูบความมันจะติดมือ และเส้นผมมักจะลีบติดหนังศรีษะ การจัดทรงทำได้ยาก

2.ผมแห้ง จะฟู ไม่มีน้ำหนัก ชี้ไปชี้มารอบทิศทาง ทำให้จัดทำได้ยาก

3.ผมธรรมดา จัดอยู่กลุ่มผู้โชคดี เพราะมีสภาพผมที่ค่อนข้างสมบูรณ์ไม่มีปัญหาเหมือนผมสองนเบบก่อนหน้านี้

การดูเเลรักษาเส้นผมแต่ละประเภทให้เหมาะสม
ขั้นตอนแรกเราต้อง เลือกแชมพูให้เหมาะสมกับสภาพเส้นผมในแบบของเรา การเลือกแชมพูนั้น ต้องดูให้ละเอียด การเลือกแชมพูอย่าเลือกเพราะดูจากโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น แม้แต่การใช้แชมพูที่ทำจากสมุนไพรก็ต้องระวังเพราะสมุนไพรบางชนิดก็เหมาะกับผมบางประเภทเท่านั้น
เช่น มะกรูดจะเหมาะกับ ผมมันเพราะมีความเป็รกรดสูง ผมแห้งควรเลือกที่มีส่วนผสมที่มีน้ำมันต่างๆ เช่น น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือ เอสเซนเชียสออยล์ถึงจะดีแต่สภาพผม

ส่วนผมธรรมดานั้น ดูแลตัวเองได้ตามอัธยาศัย ไม่ต้องโอนเอียงไปทางใดทาง หนึ่งสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่ลืมไม่ได้คือ การใช้ครีมนวดผม เพราะแชมพู
เป็นตัวชะล้างไขมัน ทำให้ผมแห้ง ครีมนวดจะช่วยปรับสภาพและเคลือบผมเพราะมีส่วนผสมของไขมันที่ใกล้เคียงกัธรรมชาติของร่างกาย

อีกขั้นตอนหนึ่งของการดูแลผมคือ อาจจะล้างผมด้วยน้ำส้มสายชู เพราะไม่ว่าจะพยายามล้างผมให้สะอาดเพียงไร ก็ยังคงมีแชมพูตกค้างอยู่เสมอจืงมีแชมพูบางยี่ห้อที่ผลิตขึ้นเพื่อทำความสะอาดสิ่งตกค้างโคยเฉพาะ แต่สูตรที่
ช่วยประหยัดเงินคือ การใช้น้ำส้มสายชูเล็กน้อยหยดลงในน้ำสุดท้ายของการล้างผมจะช่วยให้ล้างแชมพูได้สะอาดหมดจด แถมผมยังเงางามอีกด้วย


สำหรับคนที่มักทำการเปลี่ยนสีผม ต้องดูแลเส้นผมเป็นพิเศษ เพราะการเปลี่ยนสีมี 2 ขึ้นตอนคือ ใช้ไฮโดรเจน
เพอร์ออกไซด์กัดเพื่อเอาเม็ดสีเดิมออก จากนั้นจึงค่อยใส่สีที่ต้องการลงไป ซึ่งเป็นการทำลายผมอย่างชัดเจน ฉะนั้นยิ่งเปลี่ยนสีผมบ่อยแค่ไหน ผมก็ยิ่ง
แห้งกระด้าง ฉีกขาดง่าย วิธีที่ดีที่สุดสำหรับคนต้องการสีผมหลากหลายคือต้องเลือกผลิตภัณฆ์ที่ช่วยดูแลเส้นผม

วิธีการสังเกตง่าย ๆว่าเส้นผมคุณมีสภาพเช่นไร
ปกติเส้นผมเรานั้น มีเส้นผมประมาณ 100,00O เส้น หลุดร่วงไค้ไม่เกินวันละ 0.1% หรือประมาณ 100 เส้น/วัน
ถ้าผมร่วงเยอะกว่านี้แล้วไม่งอกใหม่ หรืองอกแต่เส้นผมกลับเล็กบางลงทุกวันหรือแม้แต่ผมแต่ปลาย ก็สามารถบ่งบอกถึงปัญหาแล้วว่าเรามีปัญหา ด้านสุขภาพผมไม่ดี

21 June, 2010

การดูแลผิวบริเวณข้อศอก และส้นเท้า


การดูแลผิวบริเวณข้อศอกและส้นเท้า
ผิวบริเวณข้อศอกและส้นเท้าเป็นส่วนที่มักจะแห้งและหยาบกร้าน ดูแลรักษายาก Thaisutra มีสูตรดูแลข้อศอกและส้นเท้ามาฝากสาวๆที่ต้องการมีผิวที่สวยนุ่มเนียน

สูตรดูแลข้อศอกและส้นเท้าให้นุ่มเนียน
ส่วนผสม
น้ำผึ้งบริสุทธิ์ 4 ช้อนโต๊ะ
วิธีปฏิบัติ
1. หลังจากอาบน้ำแล้วชับผิวให้แห้งหรือพอหมาดๆ
2. ชโลมและลูบไล้น้ำผึ้งไปที่บริเวณข้อศอกและส้นเท้าให้ทั่ว
3. ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที
4. ใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดชุบน้ำอุ่น ซับออกให้หมดเพื่อทำความสะอาด
ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 1 วัน จะช่วยทำให้ผิวบริเวณ ส้นเท้าและศอกนุ่มเนียนไม่แตกแห้งกร้าน


ลบรอยด่างดำที่ข้อศอกและส้นเท้า
ส่วนผสม
ยาสีฟันชนิดใดก็ได้ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีปฏิบัติ
1.อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย เช็ดตัวให้แห้ง
2. นำยาสีฟันไปนวดคลึงเบาๆ ให้ทั่วที่บริเวณข้อศอกและส้นเท้า
3. จากนั้นปล่อยทิ้งไว้ ประมาณ 5-10 นาที
4. ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่น เช็ดทำความสะอาด เท่านี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
5. ทำแบบนี้สัปดาห์ละครั้ง หลังการอาบน้ำตามปกติ จะช่วยถนอมผิวบริเวณ ข้อศอกและส้นเท้าไม่ให้ด่างดำ ผิวจะเรียบเนียนสวย

สูตรดูแลข้อศอกให้นุ่มเนียน
ส่วนผสม
น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีปฏิบัติ
1.อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด แล้วซับผิวให้แห้ง
2.ใช้ปลายนิ้วแตะน้ำมันมะกอก แล้วทาให้ทั่วบริเวณข้อศอก พร้อมกับนวดคลึงเบาๆ ที่ข้อศอกทั้งสองข้าง
3.ไม่ต้องล้างออก ดูแลผิวข้อศอกด้วยสูตรนี้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะทำให้ข้อศอกไม่แห้งและหยาบและด้าน ผิวจะนุ่มเนียน

25 May, 2010

สูตรการทำน้ำซุปผัก


สูตรการทำน้ำซุปผัก
น้ำซุปผักมีประโยชน์ต่อร่างกายมาก สามารถทำไว้กินเองที่บ้านในช่วงที่กำลังไดเอ็ต หรือเข้าคอร์สลดน้ำหนัก ช่วยให้อิ่มสบายท้องและปริมาณแคลอรี่ต่ำ ไม่อ้วน

ส่วนผสม
กะหล่ำปี 1 หัว(ไม่ต้องใหญ่มาก)
ต้นหอมสด 6 ต้น
พริกหยวก 2 ผล
มะเขือเทศ 6 ลูก
แครอท 3 หัว
เซอลารี่ 1 ต้น
เห็ดฟาง 4 ขีด
น้ำมะเขือเทศหรือใช้ซอสมะเขือเทศ 148 ออนซ์
น้ำมันมะกอกเล็กน้อย
ผงกระหรี่

เครื่องปรุงรสอื่นๆ
เกลือ พริก พริกไทย ขิง สาหร่ายทะเล ผักชีฝรั่ง ผงกระเทียม น้ำปลา



วิธีทำ
1.ล้างทำความสะอาดผักทุกชนิดด้วยน้ำเปล่า จากนั้นหั่นผัก ให้ได้ขนาดพอดีคำเตรียมไว้
2.ใส่ต้นหอมสด และกระเทียม ลงในหม้อและผัดโดยการใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันถั่วเหลืองใส่พริกหยวก กระหล่ำ แครอท เซอลารี่ เห็ดฟาง มะเขือเทศ ลงไปผัด

3.ถ้าต้องการให้ซุปมีรสจัด อาจจะใช้ผงกระหรี่เติมลงไปบ้างเล็กน้อย หรือใส่พริกป่นลงไป

4.จากนั้น น้ำ 8 ถ้วย และใช้น้ำมะเขือเทศ ลงไปผสมด้วย ปิดฝาแล้วอุ่นทิ้งไว้ด้วยไฟต่ำ ต้มไปเรื่อยๆ จนผักเปื่อยยุ่ย ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตามชอบใจ ตักทานเมื่อรู้สึกหิว

14 May, 2010

สูตรนวดหน้า แบบต่างๆ

สูตรนวดหน้าลดหน้ามัน
อากาศร้อนๆยิ่งทำให้ผิวหน้ามัน เกิดเป็นสิว และสกปรก มาดูสูตรนวดหน้า เพื่อลดหน้ามันกัน
ส่วนผสม
นมสด ครึ่ง ถ้วย
มันฝรั่งสด 1หัว
ผ้าขนหนูผืนเล็กๆ

วิธีทำ
1. ล้างหัวมันฝรั่งให้สะอาดจากนั้นนำมะนฝรั่งที่ได้ไปขูดเป็นเส้นๆโดยไม่ต้อง
ปอกเปลือกออก
2. จากนั้นนำมันฝรั่งที่ขูดเป็นเส้นไปห่อด้วยผ้าขาวบางที่สะอาด ให้มิดชิด
3.ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาดด้วยสบู่ หรือโฟมล้างหน้า แล้วนำห่อผ้าขาวบางที่ห่อมันฝรั่ง มานวดคลึงให้ทั่วใบหน้านานสักระยะหนึง แล้วทิ้งไว้สักระยะ
4. นำผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ชุบนมสด มาปิดที่หน้าไว้นาน 20-30 นาที พักหน้าไว้
5. พอครบกำหนดให้ล้างทำความละอาดใบหน้าด้วยน้ำอุ่น
จะช่วยให้ผิวหน้านุ่มเนียมไม่มัน ควรทำเป็นประจำ ผิวหน้าจะไม่มัน



สูตรนวดหน้า ทำให้ผิวสดใส
ส่วนผสม
มะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
นมผงสำหรับเด็ก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำอุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. นำมะขามเปียกมาแช่น้ำแล้ว คั้นเอาแต่น้ำ และนำไปผสมกับส่วน
ผสมอื่นๆ คนๆผสมให้ไม่เหลวจนเกินไป.
2. ล้างทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด และซับหน้าให้แห้งสนิท
3. นำส่วนผสมที่ผสมเตรียมไว้ มาทานวดให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้สักระยะ นานสักประมาณ 15 นาที
4. เมื่อครบกำหนดให้ล้างทำความสะอาดผิวหน้าด้วยการใช้น้ำละอาดล้างออกผิวหน้าจะสวยสดใส น่ามอง เมื่อทำเป็นประจำ