*จำเป็นแค่ไหนที่ต้องมีการขัดผิว
ผิวของคนเราประกอบด้วยเนื้อเยื่อสองชั้น ชั้นล่างจับต้องและสัมผัสไม่ได้ เรียกว่า หนังแท้ จะประกอบไปด้วยเส้นเลือดเส้นเลือดฝอย พังผืด และเส้นประสาทจำนวนมาก ถ้าเรามีสุขภาพที่ดีผิดของเราก็จะดู สดใสไปด้วย
ส่วนผิวชั้นบนคือ หนังกำพร้าถ้าเกิดอาการแพ้อาหาร แพ้ฝุ่นละออง แพ้อากาศ ปฏิกิริยานึ้จะแสดงออกที่ผิว เช่น เกิดผดผื่นแดง มีอาการคันเป็นต้น
ส่วนผิวชั้นบนเป้นหนังกำพร้าครึ่งหนึ่งของผิวชั้นนี้เป็นเซลล์ผิวที่ตายแล้วเรียงตัวอัดกันแน่น ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวหนังชั้นที่อยู่ต่ำชั้นลงไป ตลอดจนช่วยรักษาน้ำภายในร่างกายไม่ให้ระเหยออกสู่ภายนอกเสียหมดเซลล์เก่าที่ตายไปแล้วก็คือคราบไคลนั่นเอง เมื่อหลุดออกไปเซลล์ชั้นถัดไปจะเขยิบขึ้นมาแทนที่ ซึ่งจะมีสภาพที่สมบูรณ์และดูสดใสพอนานเข้าก็ค่อยๆ เสื่อมสภาพและตายไปหมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อยๆเมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น การทดแทนของเซลล์จะเกิดช้าลงเมื่อเซลล์เก่าลอกพร้อมจะหลุด แต่เซลล์ใหม่โตไม่ทัน เซลล์เก่าจึงจับตัวกันเรียงตัวไม่เป็นระเบียบจึงทำให้ผู้ใดไม่เรียบลื่น และหยาบกระด้าง ถ้าลอกเซลล์เก่านี้ออกมาได้จะพบเซลล์ผิวที่อ่อนเยาว์กว่า
การขัดผิวจึงช่วยทำความสะอาดและยังช่วยเร่งการแบ่งตัวของเซลได้เป็นอย่างดี ผิวก็จะดูนุ่มนวล ดูอ่อนกว่าวัย
*ขัดผิวเพื่อขจัดความหมองคล้ำ
การล้างหน้าและอาบน้ำตามปกติไม่สามารถชำระล้างเศษเซลล์ที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไปได้อย่างหมดจด จึงทำให้ผิวดูหมองคล้ำไม่สดใส การขัดผิวเป็นวิธีขจัดเชลล์ผิวที่เสื่อมสภาพให้หลุดลอกออกไป จึงช่วยสร้างพลังและเพิ่มความเปล่งปลั่งให้แก่ผิวพรรณ และถือได้ว่าเป็นวิธีการเผยโฉมความงามที่อ่อนกว่าวัยอย่างแท้จริง เพราะผิวชั้นนอกที่ตายแล้วเป็นตัวการที่ทำให้ความงามของผิวพรรณลดลง เป็นสาเหตุ
ของความหมองคล้ำแลดูไม่สดใส
ดังนั้นหากเราขัดผิวในชั้นนี้ออกไป เท่ากับเราได้เปิดโอกาสให้ผิวได้เผยความงามอันผุดผ่องออกมาอีกครั้ง
*วิธีการขัดผิวหน้า
ใช้ปลายนิ้วนาง แต้มครีมขัดผิวเพียงเล็กน้อยเท่าให้ทั่วผิวหน้าแล้วนวดเป็นวงกลมเล็ก ๆ อย่างเบามือ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และช่วยให้ครีมซึมซับสู่ผิวได้ดีขึ้น แต่ควรหลีกเลี่ยงผิวรอบดวงตา และควรตัดเล็บให้สั้นก่อนที่จะลงมือขัดผิวหน้า เพื่อป้องกันการขูดขีดกับผิวหน้า ล้างออกด้วยน้ำอุ่น และซับหน้าให้แห้ง
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
เลือกใช้ครีมขัดผิวที่มีเม็ดขัดเนื้อละเอียดเกลี่ยได้ง่ายและเหมาะกับสภาพผิดของคุณ หรือจะทำใช้เองก็ได้ ซึ่งมีสูตรขัดผิวจากธรรมชาติ ให้คุณเลือกตามความชอบใจหลายสูตร สามารถค้นตามอินเตอร์เน็ตได้
รวมสูตรต่างๆ สูตรลดน้ำหนัก เคล็ดลับความงาม สูตรอาหาร เคล็ดลับการดูแลสุขภาพ โปรแกรมต่างๆ อีกมากมายเรารวมไว้ให้คุณแล้ว thaisutra
31 March, 2011
07 March, 2011
การลอกหน้า
ทั้งสาวน้อยสวยใหญู่สมัยนี้ นิยมเพิ่มความสวยด้วยการลอกหน้ากันมากขึ้น ซึ่งการลอกหน้านน เป็นวิธีที่ทำให้ผิวหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลง โดยไม่ทำลายผิวหนัง ช่วยทำให้หน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น การลอกหน้าเป็นวิธีการที่มีมานานกว่า 100 ปีแล้วด้วย
โดยธรรมชาติแล้วผิวของคนเราส่วนล่างสุดคือชั้นหนังกำพร้าจะมีการแบ่งตัวเพื่อการเจริญเติบโต และเคลื่อนตัวขึ้นมาชั้นบนจนออกมาเป็นคราบไคล แล้วหลุดลอกออกไป แต่การลอกหน้าจะเป็นกระบวน
การที่เร่งการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์ทำให้เซลล์ใหม่ๆ เกิดเร็วขื้นสรุปก็คือ การลอกหน้าเป็นการกระตุ้นให้เซลล์เร่งการผลิตคราบไคล และเป็นการทำให้ผิวหนังหนาขึ้น (ไม่ใชบางลง) สีของ
ผิวจางลง ทำให้จางได้ และลดการอุดตันของรูขุมขนช่วยให้เกิดสิวได้น้อยลง
การลอกหน้ายังเป็นการทำลายเซลล์ ซึ่งถูกทำลายจากสาเหตุอื่นๆ เช่น แผลเป็นจากสิวช่วยลบรอย ขรุขระบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการอักเสบในชั้นลึกของผีวหนัง ก่อให้เกิดการสร้างใยคอลลาเจนและใยยืดหยุ่นขึ้นมาใหม่ ทำให้มีการสร้างน้ำและสารบางอย่าง ช่วยใหผิวหนังมีความชุ่มชื้น ทำให้ดูหนุ่มสาวขึ้น เป็นอีกวิธีหนึ่งทีช่วยชะลอความชราของผิวพรรณได้ส่วนประเภทของการลอกหน้า สามารถแบ่งออกได้ตามระดับความลึกของการลอก ได้แก่ การลอกชนิดตื้น การลอกชนิดลึกปานกลาง และ
การลอกชนิดที่ลึก
การลอกหน้าแต่ละชนิดจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน เหมาะกับสภาพผิดที่แตกต่างกัน และมีผลดีผลเสียแตกต่างกันไปวิธีการลอกหน้า เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นนั้น แบ่งเป็น 3 ระดับด้วย กัน คือ
1.การลอกหน้าชนิดตื้น
วิธีนี้จะใช้น้ำยาสำหรับลอกหน้าที่มีประสิทธิภาพลงไปถึงชั้นหนังกำพร้า สารที่ใช้กันมากคือ กลุ่มสารAHA เช่น กรดไลโคลิก โดยใช้ความเข้มข้นในการลอกประมาณ 30-70 % ถ้ายิ่งทาทิ้งไว้นานน้ำยาก็จะยิ่งลงลึก วิธีนี้นิยมใช้กันในบรรดาร้านเสริมสวยทั่วไป แต่ปัญหาของการใช้กรดไลโคลิก คือ ถ้ามีผิวหน้าที่หนา น้ำยา
นี้จะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ แต่ถ้าผิวบางละเอียดเกินไป ก็อาจเกิดภาวะหน้าเปียก มีน้ำเหลืองไหล หรืออาจทำให้หน้าบวมได้ และไม่ได้ช่วยแก้ไขผิวหนังที่เสียจากการเป็นสิวได้
2.การลอกหน้าชนิดลึกปานกลาง
การลอกหน้าชนิดนี้ลงไปถึงชั้นหนังแท้ด้านบนลึกและดีกว่า สาร AHA โดยแพทย์
ผิวหนังเท่านั้น ที่จะใช้ยาตัวนี้ได้การลอกหน้าชนิดนี้จะช่วยลดรอยขรุขระจากการเป็นส่วนรวมทั้ง
รอยย่นต่างๆ ก็น้อยลง แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เดือนละ 1 ครั้งติดต่อกันประมาณ 1 ปี
อย่างไรก็ ตาม ก็มีข้อยกเว้น ที่ใช้ไม่ผลกับคนที่มีผิวคล้ำ ซึ่งในบางรายเมื่อทำแล้วหน้าอาจจะดำคล้ำขึ้นกว่าเดิมคนที่รับประทานยารักษาสิวจำพวกกรดวิตามิน เอจะลอกไม่ได้เพราะจะรู้สกแสบหน้ามาก หรือคนที
เป็นฝ้าแล้วเคยได้รับยาชนิดแรง ๆ คนที่มีผิวละเอียดอ่อนเกินไป รวมทั้งผิววัยรุ่นก็ไม่เหมาะที่จะทำกา
ลอกหน้าด้วยวิธีนี้
3.การลอกหน้าชนิดลึก
การลอกหน้าชนิดนี้จเหมาะสำหรับคนผิวขาวเท่านั้น คนทั่วไปไม่เหมาะที่จะทำ เพราะอาจทำให้ผิวหน้าดำได้สารที่ใช้คือ ฟีนอล การทำต้องมีวิสัญญีเเพทย์ 1 คน เพราะสารนี้อาจก่อให้เกิตอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงจำเป็นต้องมีเครื่องตรวจ หัวใจชนิดดูตลอดเวลา หลังทำแล้วต้องปิดหน้า 7 วัน และอยู่ใน
ห้อง มืดวิธีนี้จัดทำให้หน้ามี น้ำเหลืองไหลต้องเปลี่ยนผ้ากอซสะอาดทุกวันและต้องใช้ยากันเชื้อไวรัสลง
จะลอกหน้าด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังของคุณ เพื่อความปลอดภัยต่อผิวหน้าของคุณ
โดยธรรมชาติแล้วผิวของคนเราส่วนล่างสุดคือชั้นหนังกำพร้าจะมีการแบ่งตัวเพื่อการเจริญเติบโต และเคลื่อนตัวขึ้นมาชั้นบนจนออกมาเป็นคราบไคล แล้วหลุดลอกออกไป แต่การลอกหน้าจะเป็นกระบวน
การที่เร่งการเจริญเติบโตและการแบ่งเซลล์ทำให้เซลล์ใหม่ๆ เกิดเร็วขื้นสรุปก็คือ การลอกหน้าเป็นการกระตุ้นให้เซลล์เร่งการผลิตคราบไคล และเป็นการทำให้ผิวหนังหนาขึ้น (ไม่ใชบางลง) สีของ
ผิวจางลง ทำให้จางได้ และลดการอุดตันของรูขุมขนช่วยให้เกิดสิวได้น้อยลง
การลอกหน้ายังเป็นการทำลายเซลล์ ซึ่งถูกทำลายจากสาเหตุอื่นๆ เช่น แผลเป็นจากสิวช่วยลบรอย ขรุขระบนใบหน้า ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เกิดการอักเสบในชั้นลึกของผีวหนัง ก่อให้เกิดการสร้างใยคอลลาเจนและใยยืดหยุ่นขึ้นมาใหม่ ทำให้มีการสร้างน้ำและสารบางอย่าง ช่วยใหผิวหนังมีความชุ่มชื้น ทำให้ดูหนุ่มสาวขึ้น เป็นอีกวิธีหนึ่งทีช่วยชะลอความชราของผิวพรรณได้ส่วนประเภทของการลอกหน้า สามารถแบ่งออกได้ตามระดับความลึกของการลอก ได้แก่ การลอกชนิดตื้น การลอกชนิดลึกปานกลาง และ
การลอกชนิดที่ลึก
การลอกหน้าแต่ละชนิดจะมีวิธีการที่แตกต่างกัน เหมาะกับสภาพผิดที่แตกต่างกัน และมีผลดีผลเสียแตกต่างกันไปวิธีการลอกหน้า เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้นนั้น แบ่งเป็น 3 ระดับด้วย กัน คือ
1.การลอกหน้าชนิดตื้น
วิธีนี้จะใช้น้ำยาสำหรับลอกหน้าที่มีประสิทธิภาพลงไปถึงชั้นหนังกำพร้า สารที่ใช้กันมากคือ กลุ่มสารAHA เช่น กรดไลโคลิก โดยใช้ความเข้มข้นในการลอกประมาณ 30-70 % ถ้ายิ่งทาทิ้งไว้นานน้ำยาก็จะยิ่งลงลึก วิธีนี้นิยมใช้กันในบรรดาร้านเสริมสวยทั่วไป แต่ปัญหาของการใช้กรดไลโคลิก คือ ถ้ามีผิวหน้าที่หนา น้ำยา
นี้จะไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ แต่ถ้าผิวบางละเอียดเกินไป ก็อาจเกิดภาวะหน้าเปียก มีน้ำเหลืองไหล หรืออาจทำให้หน้าบวมได้ และไม่ได้ช่วยแก้ไขผิวหนังที่เสียจากการเป็นสิวได้
2.การลอกหน้าชนิดลึกปานกลาง
การลอกหน้าชนิดนี้ลงไปถึงชั้นหนังแท้ด้านบนลึกและดีกว่า สาร AHA โดยแพทย์
ผิวหนังเท่านั้น ที่จะใช้ยาตัวนี้ได้การลอกหน้าชนิดนี้จะช่วยลดรอยขรุขระจากการเป็นส่วนรวมทั้ง
รอยย่นต่างๆ ก็น้อยลง แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เดือนละ 1 ครั้งติดต่อกันประมาณ 1 ปี
อย่างไรก็ ตาม ก็มีข้อยกเว้น ที่ใช้ไม่ผลกับคนที่มีผิวคล้ำ ซึ่งในบางรายเมื่อทำแล้วหน้าอาจจะดำคล้ำขึ้นกว่าเดิมคนที่รับประทานยารักษาสิวจำพวกกรดวิตามิน เอจะลอกไม่ได้เพราะจะรู้สกแสบหน้ามาก หรือคนที
เป็นฝ้าแล้วเคยได้รับยาชนิดแรง ๆ คนที่มีผิวละเอียดอ่อนเกินไป รวมทั้งผิววัยรุ่นก็ไม่เหมาะที่จะทำกา
ลอกหน้าด้วยวิธีนี้
3.การลอกหน้าชนิดลึก
การลอกหน้าชนิดนี้จเหมาะสำหรับคนผิวขาวเท่านั้น คนทั่วไปไม่เหมาะที่จะทำ เพราะอาจทำให้ผิวหน้าดำได้สารที่ใช้คือ ฟีนอล การทำต้องมีวิสัญญีเเพทย์ 1 คน เพราะสารนี้อาจก่อให้เกิตอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ จึงจำเป็นต้องมีเครื่องตรวจ หัวใจชนิดดูตลอดเวลา หลังทำแล้วต้องปิดหน้า 7 วัน และอยู่ใน
ห้อง มืดวิธีนี้จัดทำให้หน้ามี น้ำเหลืองไหลต้องเปลี่ยนผ้ากอซสะอาดทุกวันและต้องใช้ยากันเชื้อไวรัสลง
จะลอกหน้าด้วยวิธีใดก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผิวหนังของคุณ เพื่อความปลอดภัยต่อผิวหน้าของคุณ
Subscribe to:
Posts (Atom)