น้ำมันมะพร้าว 100 %
น้ำมันมะพร้าว อุดมไปด้วยวิตามินอีและกรดลอริค (Lauric Acid) และจะเปลี่ยนเป็นสารมาโนลอรีน (Monolaurin) เมื่อบริโภค ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับที่พบในน้ำนมมารดา กรดลอริคเป็นไขมันอิ่มตัวสายปานกลาง (Meduim Chain Fatty Acids : MCFAs) ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ต่อต้านอนุมูลอิสระและเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย รวมถึงมีความสามารถในการเพิ่ม HDL ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ เมื่อโดนความร้อนจะไม่เปลี่ยนสภาพเป็นไขมันทรานส์ (Trans Facts) ซึ่งเป็นไขมันชนิดเลว และจะเป็นผลร้ายต่อร่างกาย
น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการส่งเสริมสุขภาพและความงาม รวมทั้งยังนำไปใช้ในทางการแพทย์อุตสาหกรรม อาหาร เครื่องสำอาง และสปา
ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว
1. Oil pulling
ใช้อมบ้วนปากหลังตื่นนอน ก่อนแปรงฟัน อมไว้ประมาณ 20 นาที ช่วยลดแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดกลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ ฟันขาวขึ้น ฟันแน่นขึ้น
2. ใช้รับประทาน
สูตรลดไขมัน รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก่อนอาหาร 30 นาที เช้า-กลางวัน ช่วยในการขับถ่าย ล้างลำไส้ ช่วยให้ลำไส้ดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น ช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL เพิ่ม HDL ซึ่งดีกับสุขภาพ
สูตรเพิ่มน้ำหนัก รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หลังอาหาร เช้า-เย็น
3. ใช้ภายนอก
ใช้สำลีชุบน้ำหมาดๆ หยดน้ำมันลงไป เช็ดเครื่องสำอางก่อนล้างหน้า
ใช้ทาบางๆ หลังทำความสะอาดผิวหน้า จะช่วยลดรอยเหี่ยวย่น
ใช้บำรุงผิวจะช่วยรักษาผิวให้นุ่มชุ่มชื่น
บำรุงผมโดยการหมกก่อนสระ หรือชโลมเส้นผมบางๆ ไม่ต้องเช็ดออก จะช่วยทำให้รากผมแข็งแรง ผมดกดำเงางาม ช่วยป้องกันและรักษารังแค
ใช้บำรุงมือให้ความชุ่มชื่น ลดความหยาบกราบทำให้มือนุ่มน่าสัมผัสและทำให้เล็บแข็งแรง
ใช้เป็นน้ำมันสำหรับนวดคลายเส้น นวดตัวหรือทำสปา
4. อุตสาหกรรมแปรรูป
1 อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เวชภัณฑ์
ครีมทาผิวหน้าผิวกาย
ลิปสติก
ครีมหล่อลื่นฯลฯ
2. อุตสาหกรรมทำความสะอาดสิ่งของ
น้ำยาล้างจาน
น้ำยาล้างรถ
น้ำยาขัดโลหะ ฯลฯ
3. อุตสาหกรรมทำความสะอาดร่างกาย
สบู่
แชมพูสระผม
ครีมนวดผม ฯลฯ
4.อุตสาหกรรมสปาและความงาม
เป็นส่วนผสมหลักของน้ำมันหอม น้ำมันหอมระเหย ทำน้ำมันนวดคลายเส้น นวดตัว
ทาผิวช่วยลดความหยาบกร้านของผิว ป้องกันผิวแห้งเป็นสะเก็ด
5. อาหารเสริม (Functional Food)
ป้องกันรักษาโรคเบาหวาน
ป้องกันรักษาโรคสะเก็ดเงิน
ป้องกันรักษาโรคความดัน
บรรเทาอาการของโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี
ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง
ป้องกันรักษาโรคในช่องปาก ฆ่าเชื้อแบคทีเรียในช่องปาก
ป้องกันรักษาโรคหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในหลอดเลือด
ฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อนให้เกิดความปกติของเม็ดเลือดขาว เช่น โรคงูสวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด 2009 โรคภูมิแพ้ เป็นต้น
ช่วยป้องกันรักษาการเกิดมะเร็งลำไส้ มะเร็งกระเพาะอาหาร เป็นต้น
ข้อดีของน้ำมันมะพร้าวในการรักษาโรค
น้ำมันมะพร้าวมีประสิทธิภาพในการรักษาโรค เพราะมีคุณสมบัติ ดังนี้
1. ฆ่าเฉพาะเชื้อโรคที่มีไขมันเป็นเกราะหุ้มเซลล์ น้ำมันมะพร้าวสามารถละลายเกราะไขมันที่ห่อหุ้มเซลล์ของเชื้อโรคทั้งที่เป็นแบคทีเรียและไวรัส แบคทีเรียที่มีไขมันห่อหุ้มเซลล์ที่ถูกน้ำมันมะพร้าวทำลายได้ ได้แก่ แบคทีเรียในลำไส้เล็ก แบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคอักเสบปวดหู ปวดตามข้อ กล้ามเนื้อ ฟันผุ อาหารเป็นพิษ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หนองใน บาดทะยัก ฯลฯ ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ คางทูม เริม ปากเท้าเปื่อย มะเร็งปากมดลูก
2.ไม่ฆ่าจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ ในการใช้ยาปฏิชีวนะทั่วไปนั้น นอกจากเชื้อโรคจะตายแล้ว จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่ต่อต้านเชื้อรา เชื้อยีสต์ ซึ่งยาปฏิชีวนะฆ่าไม่ได้ ทำให้จุลินทรีย์พลอยตายไปหมดทำให้เชื้อรา เชื้อยีสต์ สามารถเจริญเติบโตต่อไปและก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา แต่น้ำมันมะพร้าว ไม่ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์เหล่านั้น
3.ไม่เกิดการดื้อยา ยาปฏิชีวนะก่อให้เกิดการดื้อยา ทำให้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็ไม่ได้ผล แต่น้ำมันมะพร้าวฆ่าเชื้อโรคตายราบคาบ เพราะเยื่อหุ้มเซลล์ถูกละลาย แล้วโมโนลอริน เข้าไปฆ่าทีหลัง
4.ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย โมโนลอรินในน้ำนมแม่ สามารถฆ่าเชื้อโรคในร่างกายของทารกได้ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายของทารกแต่อย่างใด ดังนั้น น้ำมันมะพร้าวจึงไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของผู้ใหญ่เช่นกัน
การเก็บรักษา
น้ำมันมะพร้าวจะเป็นไขสีขาวขุ่นเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 23 oC ควรปิดภาชนะที่ใส่ให้สนิท เก็บไว้ในที่แห้งและห่างจากแสงแดด
จากประสบการณ์โดยตรงของผู้เขียน คือ เคยมีอาการปวดหู มาหลายวัน ทำอย่างไรก็ไม่หาย เลยลองใช้น้ำมันพร้าวบริสุทธิ์แบบสกัดเย็นยี่ห้อมาหยอดหู ทิ้งไว้สักครู่่ก็ตะแคงเอาน้ำมันออกและเอาไม้ปั่นหูซับเบาๆ พอให้หมาดๆ ปรากฏว่าอาการปวดหูได้หายไปอย่างอัศจรรย์ ตัวเองจึงมั่นใจว่าน้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์มากจริงๆ ทั้งกินทั้งทาทั้งเป็นยาทาได้อีกต่างหาก