กลูต้าไธโอน (Glutathione)
คืออะไร สารกลูตาไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดละลายน้ำได้ที่ลำคัญ ซึ่งร่างกายสร้างขึ้น มีพลังในการต่อสู้กับสารอนุมูลอิสระ มากที่สุดตลอดจนเร่งประสิทธิภาพการทำงานของวิตามินซี
และวิตามินอี และทำให้อยู่ในรูปที่ดูดซึมได้เร็วขึ้น ช่วยให้วิตามินชีและวิตามินอี มีส่วนขจัดอนุมูลอิสระได้อย่างสมบูรณ์ และป้องกันไม่ให้วิตามินทั้งสองเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นอนุมูลอิสระด้วย และเป็นพื้นฐานสำาหรับสารต้านอนุมูลอิสระ ชื่อ กูลตาไธโอนเปอร์ออกชิเดส
กลูตาไธโอนมีอยู่เกือบทุกเชลล์ร่างกายของมนุษย์ เป็นสารประกอบอินทรีย์ เปปไตด์ ที่ประกอบด้วย กรดอะมีโน 3 ชนิดคีอ แอลิ กลูตามีน ,แอล-ไกลซีน และแอล-ซิสเตอีน
คุณประโยชน์
สารกลูตาไธโอนช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยตับในการย่อยสลายสารพิษ มีการศึกษาติดตามผลการกินสารชนิดเป็นอาหารเสริมเป็นเวลาหลายปี ว่ามีผลอย่างไรบ้าง
นักชีววิทยาด้านเชลล์หลายคน เชื่อว่ากลูตาไธโอนถูกย่อยสลายให้เป็นส่วนประกอบย่อยที่มีคุณสมบัติป้องกันการทำปฏิกิริยากับออกชิเจน (ออกชิเดซัน) ในระหว่างการย่อยสลาย
แต่กลูตาไธโอนในรูปที่ยังไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนนี้ เมื่อทำงานร่วมกับสารแอนไธไชยานิดีนส์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งได้มาจากพืชผัก เช่น จากผลแบลคเคอเร้นทและหัวบีทรูตแล้ว ปรากฏว่าร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายและเป็นประโยชน์ในทางการรักษาโรค
การทำงานร่วมกับอาหารเสริมอัลฟาไลโปอิคแอซิด ส่งผลให้มีประสิทธิภาพของกลูตาไธโอนดีขึ้น
นายแพทย์โสรามสิงห์ คาลชา ที่ใช้กลูตาไธโอนในการบาบัดรักษาทางโภชนาการในเบเวอร์ลี่ฮิลส์ มลรัฐแคลิฟอร์เนียยืนยันว่า กลูตาไธโอนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญของร่างกาย โดยทำการวัดความเข้มข้นของกลูตาไธโอนและไขมันที่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนแล้ว (ซึงบ่งบอกว่ามีการทำลาย
ของอนุมูลอิสระ) ในผู้ป่วยโรคมะเร็งและผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะร้ายแรง อื่น ๆ
เมื่อกลูตาไธโอนอยู่ในระดับต่ำและไขมันที่ทำปฏิกิริยากับออกชิเจนอยู่ในระดับสูง จะเป็นสัญญาณที่แสดงว่าผู้ป่วยรายนั้นต้องการสารต้านอนุมูลอิสระ
นายแพทย์คาลซา จึงให้ผู้ป่วยกินกลูตาไธโอนแล้วตรวจสอบระดับกลูตาไธโอนในเลือดอีกครั้ง และพบว่าระดับกลูตาไธโอนที่ต่ำลงนั้น กลับขึ้นมาสู่ค่าปกติ
ปกติแล้วหลังจากที่สารต้านอนุมูลอิสระชนิดใดชนิด เช่น กลูตาไธโอน ไปทำลายอนุมูลอิสระแล้ว ตัวมันเองก็จะปฏิกิริยากับออกชิเจน แต่จากการศึกษาในเยอรมันหลายครั้งพบว่าสารแอนโธไชยานิดีนส์์ช่วยเปลี่ยนกลูตาไธโอนที่ปฏิกิริยากับออกซีเจนแล้วให้กลับเป็นกลูตาไธโอนในรูปที่ยังได้ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้อีกดังนั้นการรักษาระดับของกลูตาไธโอนให้มีปริมาณเพียงพออาจช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์จากสารอนุมูลอิสระ ขจัดของเสีย ชะล้างสารพิษในร่างกายและเพิ่มความต้านทานโรคได้ เช่นกัน
ในปี ค.ศ.1998 นายแพทย์ พอลสเทิร์นเบิร์กจูเนียร์ มหาวิทยาลัยอีมอรี พบว่าผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาของดวงตาเสื่อมกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน จะมีระดับกลูตาไธโอนที่ทำปฏิกิริยากับออกซีเจนแล้วในเลือดสูงและมีระดับกลูตาไธโอนในรูปที่ยังไม่ได้ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนต่ำ เป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับการศึกษาของนายแพทย์คาลชา
ส่วนผู้ที่มีอายุน้อยและมีสุขภาพดีกว่า จะมีระดับกลูตาไธโอนที่ยังไม่ได้ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนสูงกว่าและมีระดับกลูตาไธโอนที่ทำปฏิกิริยากับออกชิเจนแล้วต่ำกว่า
นักวิทยาศาลตร์พบว่า กลูตาไธโอนทำงานร่วมกับเอนไซม์ Tyrosinase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน เมื่อร่างกายได้รับ Tyrosinaseในปริมาณที่เหมาะสมจะควบคุมการสังเคราะห์เม็ดสีเมลานิน ส่งผลให้ผิหน้า ผิวหนัง สวยขาวใส ไร้รอยด่างดำ จึงมีผู้ผลิตเครื่องสำอางนำไปใช้ทาริมฝีปากและผิวบริเวณหัวนม ให้มีสขาวอมชมพูขึ้น
และมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมชนิดแคปชูลหรือชนิดเม็ดสำหรับกินเพื่อหวังผลให้ผิวขาวลดใส ชะลอความเสื่อมของเซลล์และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระกำจัดสารพิษในร่างกายออกไปโดยมักจะผสมรวมกับสารอาหารเสริมชนิดอื่นราคาค่อนข้างแพง
นอกจากนี้กลูตาไธโอนยังมีคุณสมบัติเป็นสารขับพิษ(Detoxification) เปลี่ยนสารพิษให้อยู่รูปทีไม่เป็นพิษ ล้างพิษและขจัดของเสีย หรือสารพิษต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย โดยจะเข้าไปจับ แล้วทำให้พิษหรือของเสียเหล่านี้เป็นกลาง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของตับให้ดีขึ้น ในญี่ปุ่นใช้เป็นลารอาหารบำรุงตับและป้องกันการเกิดสารพิษ
กลูตาไธโอนพบได้ตามธรรมชาติใน ปลา เนื้อ หน่อไม้ฝรั่งอะโวคาโด วอลนัต
กลูตาไธโอนช่วยให้ผิวขาวขึ้น ด้วยกลไกการทำงานครบสมบูรณ์ 2 ขั้นตอน คือ
* ขั้นตอนแรกป้องกันเมลานินที่ผิวหนังไม่ให้ทำปฏิกิริยากับแสงแดดเพี่อไม่ให้เกิดผิวคล้ำ
* ขั้นตอนสอง ยับยั้งการเพิ่มเม็ดฟ้าที่ผิวหนัง โดยยับยั้งการทำงานของนอนไซม์โทโรชีเนส ทำให้ไม่เกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ